สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเหนือระดับ 70 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบปีเมื่อคืนนี้ (9 มิ.ย.) เพราะได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่ร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าเศรษฐกิจในประเทศจีนจะแข็งแกร่งขึ้น ซึ่งอาจช่วยหนุนดีมานด์พลังงานเพิ่มขึ้นด้วย
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 1.92 ดอลลาร์ ปิดที่ 70.01 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในระหว่างวันที่ 70.18 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 3.07 เซนต์ ปิดที่ 1.9667 ดอลลาร์ต่อแกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 3.99 เซนต์ ปิดที่ 1.8076 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 1.74 ดอลลาร์ ปิดที่ 69.62 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
จิม ริทเทอร์บุช ประธานบริษัท Ritterbusch and Associates ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงานรายใหญ่ในสหรัฐ กล่าวว่า ค่าเงินดอลลาร์ที่ร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆช่วยกระตุ้นนักลงทุนแห่เข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบ เพราะดอลลาร์ที่อ่อนตัวลงทำให้สัญญามีราคาถูกลง นอกจากนี้ นักลงทุนยังเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจีนจะแข็งแกร่งขึ้นและหนุนดีมานด์พลังงานเพิ่มขึ้นด้วย หลังจากจีนเปิดเผยยอดขายรถยนต์เดือนพ.ค.พุ่งขึ้นราว 47%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับเจพี มอร์แกนที่ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบสหรัฐในไตรมาส 4 ปีนี้ขึ้นเป็น 65 ดอลลาร์/บาร์เรล เทียบกับที่สูงกว่า 55 ดอลลาร์ที่คาดไว้ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นผลจากการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้น นอกจากนี้ เจพี มอร์แกน ยังปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมันในสิ้นปีหน้าขึ้นเป็น 70 ดอลลาร์ เทียบกับ 60 ดอลลาร์ที่คาดไว้ในเดือนที่แล้ว
ขณะที่นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะเพิ่มขึ้นอีก โดยโกลด์แมน แซค์ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมันช่วงสิ้นปีพ.ศ.2552 โดยคาดว่าราคาน้ำมันอาจอยู่ที่ 85 ดอลลาร์/ บาร์เรล จากเดิมที่คาดว่าอยู่ที่ 65 ดอลลาร์ และคาดว่าราคาน้ำมันช่วงสิ้นปีพ.ศ.2553 อาจอยู่ที่ 95 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบอาจลดลง 0.4 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นอาจเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินอาจเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจเพิ่มขึ้น 0.4 %
รายงานระบุว่า สต็อกน้ำมันขององค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ (OECD) จะลดลงสู่ระดับเพียงพอใช้ได้นาน 57 วันภาย ในสิ้นปีนี้ จาก 63 วันในขณะนี้ ถ้าหากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) มีการผลิตน้ำมันที่ระดับปัจจุบันต่อไป