สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือนเมื่อคืนนี้ (11 มิ.ย.) เพราะได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลง และสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ที่ปรับเพิ่มคาดการณ์ดีมานด์พลังงาน นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐทำให้นักลงทุนเชื่อว่าผู้บริโภคและภาคธุรกิจของสหรัฐจะมีกำลังในการใช้จ่ายด้านพลังงานมากขึ้น
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 1.35 ดอลลาร์ ปิดที่ 72.68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในระหว่างวันที่ 73.23 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ค.ดีดขึ้น 99 เซนต์ ปิดที่ 71.79 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจาก IEA คาดการณ์ว่า อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในปี 2552 อาจจะไม่ลดลงมากอย่างที่คาดการณ์ไว้ในตอนแรก ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือนที่ IEA ปรับเพิ่มคาดการณ์ความต้องการน้ำมัน เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจหลายตัวบ่งชี้ว่าภาวะถดถอยอาจผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว
IEA ระบุในรายงานประจำเดือนว่า อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในปีนี้อาจปรับตัวลง 2.9% มาอยู่ที่ 83.3 ล้านบาร์เรล/วัน หรือน้อยกว่าปี 2551 อยู่ 2.5 ล้านบาร์เรล หลังจากที่ได้คาดการณ์เมื่อเดือนพ.ค.ว่า ความต้องการน้ำมันปีนี้จะร่วงลง 3% ซึ่งเป็นอัตราการลดลงที่รุนแรงสุดนับตั้งแต่ปีพ.ศ. 2524 ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นค่อนข้างจะต่อเนื่องในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยไต่ระดับขึ้นจากเกือบ 35 ดอลลาร์/บาร์เรลในเดือนมีนาคม มาอยู่ที่เหนือระดับ 72 ดอลลาร์ในวันนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์ก็มองว่าราคาที่สูงขึ้นนี้อาจมีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากความหวังว่าเศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัว แต่หลักๆแล้วเป็นเพราะเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ จนดึงดูดนักเก็งกำไรเข้ามาซื้อ
ตลาดน้ำมัน NYMEX ยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงจำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานในรอบส้ปดาห์ที่แล้ว ร่วงลง 24,000 แตะที่ 601,000 ซึ่งเป็นสถิตที่ดีกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ ขณะที่ยอดค้าปลีกเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 0.5% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 5 เดือน
นอจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกหลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 5 มิ.ย.ร่วงลง 4.4 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 361.6 ล้านบาร์เรลใน มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยับลงเพียง 400,000 บาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 300,000 บาร์เรล แตะระดับ 149.7 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 201.6 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 800,000 บาร์เรล