สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (6 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจว่าอาจต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะฟื้นตัวขึ้นจากภาวะถดถอย
สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 2.68 ดอลลาร์ ปิดที่ 64.05 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 64.05 - 64.40 ดอลลาร์ โดยราคาน้ำมันดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 สัปดาห์หลังจากที่เคยพุ่งทะลุ 73 ดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 7.5 เซนต์ ปิดที่ 1.6266 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 5 เซนต์ ปิดที่ 1.7404 ดอลลาร์/แกลลอน
ด้านราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE ในกรุงลอนดอนลดลง 1.56 ดอลลาร์ จากระดับปิดเมื่อวันศุกร์ที่ 64.05 ดอลลาร์/บาร์เรล
ภาวะราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ร่วงลงเป็นผลจากการที่นักลงทุนโยกย้ายเม็ดเงินลงทุนออกจากตลาดเพราะเกรงว่าอาจเจ็บตัวจากการลงทุนในตลาดดังกล่าวหากเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้นอย่างที่คาดการณ์ไว้
นอกจากนี้ การปิดร่วงลงของราคาน้ำมันเมื่อคืนที่ผ่านมามีขึ้นต่อเนื่องจากเมื่อวันพฤหัสบดี หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่ร่วงหนักเกินคาด ขณะที่อัตราว่างงานทะยานแตะระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีที่ 9.5% ซึ่งเป็นระดับเดียวกับอัตราว่างงานของกลุ่มประเทศแถบยูโรโซนที่ทำสถิติสูงสุดในรอบ 10 ปี ดังนั้น ภาวะเช่นนี้จึงทำให้นักลงทุนต้องการซื้อสินทรัพย์ที่ปลอดความเสี่ยง ขณะที่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาตลาดสหรัฐปิดทำการเนื่องในวันชาติสหรัฐ
ทั้งนี ราคาสินค้าโภคภัณฑ์เริ่มเคลื่อนไหวในช่วงขาขึ้นมาตั้งแต่เดือนมี.ค. เช่นเดียวกับตลาดหุ้นจากปัจจัยหนุนของนักลงทุนที่คาดว่าเศรษฐกิจมีโอกาสพื้นตัวได้ในเร็ววัน แต่ขณะนี้นักลงทุนเริ่มมีคำถามว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นได้อย่างถาวรหรือไม่ ซึ่งกระแสวิตกกังวลเช่นนี้ได้ส่งผลต่ออุปสงค์การใช้น้ำมันในอนาคต
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังได้ไถ่ถอนเงินลงทุนในตลาดน้ำมันมาซื้อขายในตลาดปริวรรตเงินตราเพื่อหาแหล่งลงทุนที่ปลอดภัยจนส่งผลให้เงินดอลลาร์ได้รับแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 เมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร