นายนิทัศน์ ภัทรโยธิน กรรมการและผู้จัดการ ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย(AFET)เปิดเผยว่า AFET ได้ปรับปรุงสัญญาล่วงหน้ามันสำปะหลังเส้น(TC)เป็นแบบ Both Options แล้วเสร็จเรียบร้อย และพร้อมเริ่มซื้อขายตั้งแต่ 13 กรกฎาคมนี้ เป็นต้นไป
รายละเอียดหลักที่ได้ปรับปรุง การปรับสัญญาเป็นแบบ Both Options นั้นเมื่อถึงวันครบกำหนดส่งมอบรับมอบสินค้า ผู้ซื้อผู้ขายมีทางเลือกที่จะส่ง-รับมอบสินค้าระหว่างกันเหมือนแต่ก่อน หรือเลือกที่จะใช้การหักกำไร-ขาดทุนที่เกิดขึ้นจากการซื้อขายล่วงหน้าระหว่างกัน
อีกทั้งได้มีปรับวันซื้อขายสุดท้าย (Last Trading Day) จากเดิมเป็นวันทำการที่ 5 ของเดือนส่งมอบ เป็นวันทำการที่ 10 ของเดือนที่ครบกำหนดส่งมอบ เพื่อให้สัญญาสามารถซื้อขายได้นานขึ้น นอกจากนี้จะช่วยให้นักลงทุนเกิดความคล่องตัวและสบายใจมากขึ้นในการเข้ามาซื้อขายล่วงหน้ามันสำปะหลังเส้น เพราะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการส่งมอบรับมอบสินค้า
อย่างไรก็ตาม การปรับปรุงสัญญาล่วงหน้ามันสำปะหลังเส้น (TC) ดังกล่าวจะไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงสัญลักษณ์หรือรายละเอียดอื่นใดในสัญญาที่ปรากฏบนหน้าจอซื้อขาย จึงเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ซื้อผู้ขาย ที่สนใจในการติดตามข้อมูลราคาล่วงหน้าและรายละเอียดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าได้เช่นเดิม
นายนิทัศน์ กล่าวว่า การปรับปรุงให้สัญญา TC เป็นแบบ Both Options นอกจากจะให้ความสะดวกแก่นักลงทุนและผู้ประกอบการที่อยู่ห่างจากจุดส่งมอบรับมอบแล้ว ยังเป็นการปรับปรุงให้มีลักษณะเช่นเดียวกับสัญญาล่วงหน้าข้าวขาว 5% และข้าวหอมมะลิที่รัฐบาลสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการจำหน่ายสินค้าในสต็อกรัฐบาล โดยอิงราคาล่วงหน้าใน AFET อันจะเป็นการสนองนโยบายรัฐบาลที่จะให้มีการระบายมันเส้นใน AFET ประมาณ 200,000 ตัน รวมถึงผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับมันสำปะหลัง ก็สามารถใช้กลไก AFET ในการบริหารจัดการความเสี่ยงควบคู่กับธุรกิจของท่านได้อีกทางหนึ่ง
ทั้งนี้ ลักษณะพิเศษของการซื้อขายแบบ Both Options จะทำให้ผู้ซื้อผู้ขายมีทางเลือกในการยุติฐานะถือครองของตนเองใน AFET ด้วยวิธีการชำระกำไรขาดทุนที่เป็นส่วนต่างของราคาด้วยเงินสด (Cash Settlement) ก่อให้เกิดความคล่องตัวในการซื้อขายมากขึ้น ทำให้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าสามารถสนองตอบวัตถุประสงค์ในการลงทุนของนักลงทุนได้อย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ดีถ้าผู้ซื้อหรือผู้ขายรายใดต้องการจะรับมอบหรือส่งมอบสินค้าก็สามารถแจ้งความประสงค์มายังตลาดได้ โดยตลาดจะจับคู่ให้ผู้ซื้อและผู้ขายที่มีความต้องการเช่นเดียวกันให้สามารถส่งมอบรับมอบกันได้
"การปรับปรุงข้อกำหนดการซื้อขายสินค้ามันสำประหลังเส้นในครั้งนี้ นอกจากเป็นการเพิ่มช่องทางใหม่ในการลงทุนแล้ว ยังรองรับนโยบายของรัฐบาล จะช่วยกระตุ้นให้นักลงทุนทั่วไปเข้ามาใช้ประโยชน์มากยิ่งขึ้นและเป็นการเสริมสภาพคล่องโดยรวมให้การซื้อขายให้ AFET มากยิ่งขึ้น" นายนิทัศน์ กล่าว