สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างต่อเนื่องเมื่อคืนนี้ (14 ก.ค.) โดยสัญญายังคงเคลื่อนไหวอยู่ต่ำกว่าระดับ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจ แม้สหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกที่เพิ่มขึ้นในเดือนที่แล้ว และแม้ว่าบริษัทบางแห่งในสหรัฐรายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาด รวมถึง โกลด์แมน แซคส์ และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ก็ตาม
สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 17 เซนต์ ปิดที่ 59.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในกรอบ 61.05-59.52 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 0.72 เซนต์ ปิดที่ 1.6466 ดอลลาร์ต่อแกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 0.8 เซนต์ ปิดที่ระดับ 1.5119 ดอลลาร์ต่อแกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 17 เซนต์ ปิดที่ 60.86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ฟิล ไฟนน์ นักวิเคราะห์จากบริษัท อลารอน เทรดดิ้ง กล่าวกับสำนักข่าวเอพีว่า นักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันดิบอย่างต่อเนื่อง แม้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่ายอดค้าปลีกประจำเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 0.6% มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.4% ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมิ.ย.ดีดขึ้น 1.8% นอกจากนี้ นักลงทุนยังเดินหน้าเทขายสัญญาน้ำมันดิบแม้ว่าโกลด์แมน แซคส์ สถาบันการเงินรายใหญ่ของสหรัฐ และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน รายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาดก็ตาม
โกลด์แมน แซคส์ เปิดเผยผลกำไรไตรมาสสองสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นผลมาจากธุรกิจซื้อขายหลักทรัพย์และอันเดอร์ไรท์ที่เข้มแข็ง โดยธนาคารรายใหญ่อันดับ 5 ของสหรัฐเมื่อพิจารณาจากสินทรัพย์ มีกำไร 3.44 พันล้านดอลลาร์ หรือ 4.93 ดอลลาร์ต่อหุ้นในช่วงเดือนเม.ย. - มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 2.09 พันล้านดอลลาร์ หรือ 4.58 ดอลลาร์ต่อหุ้นในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และสูงกว่ากำไร 1.8 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้
ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ผลกำไรไตรมาส 2/2552 ของโกลด์แมน แซคส์ ที่ระดับ 3.54 ดอลลาร์ต่อหุ้น ส่วนบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์สัน รายงานผลประกอบการลดลง 3.5% แต่ก็ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ไฟนน์กล่าวว่า สัญญาน้ำมันดิบดิ่งลงเรื่อยมาเนื่องจากความกังวลเรื่องทิศทางเศรษฐกิจ นับตั้งแต่ทางการสหรัฐรายงานว่าตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐร่วงลงเกินคาด 467,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. และอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 9.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 26 ปี ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าตัวเลขจ้างงานเดือนมิ.ย.จะร่วงลง 365,000 ตำแหน่ง
ขณะที่บารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐยอมรับว่า อัตราว่างงานภายในประเทศมีแนวโน้มพุ่งขึ้นอีกในอีกหลายเดือนข้างหน้า อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหรัฐยังคงเดินหน้ากระตุ้นการจ้างงานและตั้งโครงการฝึกฝนบุคลากรเพื่อรองรับการจ้างงานที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบอาจลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล, สต็อกน้ำมัน กลั่นอาจเพิ่มขึ้น 2.0 ล้านบาร์เรล, สต็อกน้ำมันเบนซินอาจเพิ่มขึ้น 1.0 ล้าน บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจทรงตัวที่ 86.8 %