สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (20 ก.ค.) เพราะได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทสหรัฐและดัชนีชี้นำเศรษฐกิจของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยลดแรงกดดันจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ของสหรัฐจะปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากดีมานด์หดตัวลง
สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 42 เซนต์ ปิดที่ 63.98 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 63.19-64.90 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 4.84 เซนต์ ปิดที่ 1.6894 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 1.95 เซนต์ ปิดที่ 1.7894 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 1.06 ดอลลาร์ ปิดที่ 66.44 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 65.03-66.76 ดอลลาร์
ฟิล ไฟนน์ นักวิเคราะห์จากบริษัท อลารอน เทรดดิ้ง กล่าวกับสำนักข่าวเอพีว่า นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบหลังจากสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด รายงานว่าดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 0.7% มากกว่าที่คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.4% และเป็นสถิติที่ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3
การเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด รวมถึงโกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป อิงค์ อินเทล คอร์ป และเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ได้ช่วยคลายความวิตกกังวลแก่นักลงทุนเกี่ยวกับโอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวในปีนี้ ขณะเดียวกัน เทรดเดอร์ยังคงจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของแอปเปิล อิงค์ และอเมซอนดอทคอม อิงค์ รวมถึงไมโครซอฟท์ คอร์ป ในสัปดาห์นี้เพื่อใช้ประเมินสถานการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจต่อไป
ส่วนเมื่อคืนนี้ ตลาได้รับแรงหนุนหลังจากบริษัท ฮัลลิเบอร์ตัน โค ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานรายใหญ่ของสหรัฐ รายงานผลกำไรลดลง 48% แต่ยังไม่มากเท่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นฮัลลิเบอร์ตันปิดบวก 4.4%
"บรรยากาศการซื้อขายในตลาดได้รับแรงหนุนจากการรายงานผลประกอบการของบริษัทเอกชน" วิคเตอร์ ชุม นักวิเคราะห์จากเพอร์วิน แอนด์ เกิร์ทซ์กล่าวกับเอพี "หากบริษัทเอกชนรายอื่นๆเปิดเผยผลประกอบการออกมาในลักษณะนี้จะช่วยให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นต่อไปอีก"
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 900,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจลดลง 0.3%