สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเหนือระดับ 68 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ (24 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเริ่มมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจมากขึ้นหลังตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกแข็งแกร่งตลอดสัปดาห์ ขณะที่ภาคเอกชนส่วนใหญ่รายงานผลประกอบการที่สดใสในช่วงไตรมาสสอง
สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 89 เซนต์ปิดที่ 68.05 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในกรอบ 66.85-68.08 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินเดือนส.ค.เพิ่มขึ้นปิดที่ระดับ 1.9159 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 1.69 เซนต์ ปิดที่ 1.7813 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 1.07 ดอลลาร์ ปิดที่ 70.32 ดอลลาร์/บาร์เรล
เจอราร์ด ริคบีย์ นักวิเคราะห์จาก Fuel First Consulting ในซิดนีย์กล่าวว่า "แม้อุปสงค์น้ำมันจะยังไม่ปรับตัวขึ้น แต่ข่าวความเคลื่อนไหวในแง่บวกทางเศรษฐกิจได้ช่วยกระตุ้นให้นักลงทุนส่งสัญญาซื้อขายเข้ามาในตลาดน้ำมัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงสถานการณ์ที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดี"
โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ทะยานขึ้น 11% ในช่วงเวลา 9 วันที่ผ่านมาและสามารถฝ่าระดับ 9,000 จุดได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนม.ค.ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ บริษัทเอกชนส่วนใหญ่ต่างเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด มีเพียงไมโครซอฟท์ คอร์ป, อเมริกัน เอ็กซ์เพรส โค และอเมซอนดอทคอมที่รายงานผลประกอบการซบเซาและสร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุน
อย่างไรก็ตาม กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ยังแสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับสต็อกน้ำมันเบนซินที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้ราคาน้ำมันถูกลงกว่าที่โอเปคต้องการ หลังจากที่ได้มีการปรับลดกำลังการผลิตเมื่อช่วงต้นปีเพื่อกระตุ้นให้ราคาน้ำมันดีดตัวสูงขึ้น