สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (27 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังเข้าซื้อเก็งกำไรสัญญาน้ำมันหลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่ที่เพิ่มขึ้นเกินคาด อย่างไรก็ตาม นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงวิตกกังวลเรื่องผลประกอบการของภาคเอกชน หลังจากบริษัทหลายแห่งรายงานผลประกอบการที่ต่ำเกินคาด
สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 33 เซนต์ ปิดที่ 68.38 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในกรอบ 68.45-68.38 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินเดือนส.ค.ปิดบวก 1.88 เซนต์ แตะที่ 1.9347 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนส.ค.ปิดบวก 1.53 เซนต์ แตะที่ 1.7966 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ย.ปิดบวก 49 เซนต์ หรือ 0.7% แตะที่ 70.81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ฟิล ไฟนน์ นักวิเคราะห์จาก Alaron Trading กล่าวกับสำนักข่าวเอพีว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังคงคึกคักเพราะได้แรงหนุนจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ทะยานขึ้นต่อเนื่องจนถึงเมื่อคืนนี้ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 11% แตะที่ 384,000 ยูนิตต่อปี จากเดือนพ.ค.ที่ 346,000 ยูนิตต่อปี ส่วนราคากลางของบ้านอยู่ที่ 206,200 ดอลลาร์ ลดลง 12% จากปีที่แล้ว
แม้อัตราว่างงานจะยังพุ่งสูงขึ้น แต่ราคาบ้านที่ลดลงและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่อยู่ในระดับต่ำเริ่มดึงดูดผู้ซื้อให้หันมาซื้อบ้านมากขึ้น นอกจากนั้นหลายฝ่ายยังคาดการณ์ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งรุนแรงสุดในรอบ 50 ปีอาจสิ้นสุดลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เนื่องจากวิกฤตในตลาดอสังหาริมทรัพย์และภาคการผลิตเริ่มบรรเทาเบาบางลงแล้ว
นักวิเคราะห์จับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 300,000 บาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นอาจเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 600,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจลดลง 0.2%