สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 2 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (31 ก.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่าตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสสอง หดตัวน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างผันผวนเนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเรื่องดีมานด์พลังงาน หลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นเหนือความคาดหมาย
สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 2.51 ดอลลาร์ ปิดที่ 69.45 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนไหวในกรอบ 69.45-66.60 ดอลลาร์ในระหว่างวัน
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 5.73 เซนต์ ปิดที่ 2.0448 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 2.51 เซนต์ ปิดที่ 1.7938 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 1.59 ดอลลาร์ ปิดที่ 71.70 ดอลลาร์/บาร์เรล
ไมเคิล ลินช์ นักวิเคราะห์จาก Strategic Energy & Economic Research กล่าวกับเอพีว่า สัญญาน้ำมันดิบเดือนก.ย.ทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่องเพราะนักลงทุนยังคงเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัว โดยข้อมูลล่าสุดเมื่อคืนนี้บ่งชี้ว่าจีดีพีไตรมาส 2 ของสหรัฐหดตัวลงในอัตรา 1.5%ต่อปี ซึ่งเป็นสถิติที่หดตัวน้อยลงเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกที่หดตัวลงถึง 5.5% นับเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปีของสหรัฐ กำลังทุเลาลง
อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างผันผวนเนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเรื่องดีมานด์พลังงาน หลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 24 ก.ค.พุ่งขึ้น 5.1 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 347.8 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรล แตะที่ 162.2 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 1.3 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ นักลงทุนส่วนใหญ่ยังกังวลเรื่องผลประกอบการของบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของโลก โดยบริษัท เอ็กซอน โมบิล เปิดเผยว่า กำไรไตรมาส 2 ดิ่งลง 66% ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่ รอยัล ดัทช์ เชลล์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่สุดของยุโรป มีรายได้สุทธิไตรมาส 2 ร่วงลง 67% แตะระดับ 3.8 พันล้านดอลลาร์ และบีพีรายงานว่าผลกำไรไตรมาส 2 ดิ่งลง 53% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกถดถอยได้ฉุดดีมานด์เชื้อเพลิงหดตัวลงด้วย
ขณะที่บริษัท โททาล เอสเอ บริษัทน้ำมันรายใหญ่อันดับสามของยุโรปเผยกำไรไตรมาส 2 ปรับตัวลดลง 54% เพราะได้รับผลกระทบของราคาน้ำมันที่ร่วงลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อปีที่ แล้วท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำ นอกจากนี้ บริษัทกล่าวว่าความต้องการใช้ก๊าซน้อยลง ทำให้บริษัทต้องปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันในไตรมาสที่แล้ว แต่บริษัทมีแผนเดินหน้าโครงการผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวแห่งใหม่ในเยเมนและกาตาร์ รวมถึงบ่อน้ำมัน Tombua Landana ในแองโกลาด้วย