ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: น้ำมันดิบปิดทรุดแตะ $67.51 หลังเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐลดลง

ข่าวต่างประเทศ Saturday August 15, 2009 08:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กดิ่งลงกว่า 4% แตะที่ระดับต่ำสุดในรอบสองสัปดาห์เมื่อคืนนี้ (14 ส.ค.) หลังจากที่มีการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนสิงหาคมโดยรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน ที่ร่วงลงผิดไปจากความคาดหมาย ส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่และบั่นทอนความหวังที่ว่าความต้องการใช้น้ำมันกำลังปรับตัวสูงขึ้น

สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 3.01 ดอลลาร์ หรือ 4.27% ปิดที่ 67.51 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนก.ค. หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 67.12 - 71.60 ดอลลาร์/บาร์เรล

ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 8.12 เซนต์ แตะ 1.938 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 6.18 เซนต์ ปิดที่ 1.841 ดอลลาร์/แกลลอน

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 1.07 ดอลลาร์ ปิดที่ 72.41 ดอลลาร์/บาร์เรล

โดยสัญญาน้ำมันดิบ รวมถึงตลาดหุ้นวอลล์สตรีทได้รับแรงขายกดดัน หลังจากที่ได้มีการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคช่วงต้นเดือนสิงหาคม ลดลงสู่ระดับ 63.2 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแค่เดือนมี.ค. ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 68.5 จากระดับ 66.0 ในช่วงปลายเดือนก.ค. โดยเมื่อเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว ตัวเลขดังกล่าวร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 30 ปีที่ 55.3

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังมาพร้อมกับรายงานผลประกอบที่อ่อนแอจากผู้ค้าปลีกรายใหญ่ อาทิ Abercrombie & Fitch Co. ซึ่งเผยยอดขายลดลงในระดับตัวเลขสองหลักเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน J.C. Penney Co. รายงานผลขาดทุนในไตรมาสสอง พร้อมคาดการณ์ว่ายอดขายจะย่ำแย่ตลอดช่วงที่เหลือของปีนี้ หลังจากที่วันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกในเดือนก.ค.ปรับตัวลดลง 0.1% ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.7% ขณะที่กระทรวงแรงงานเปิดเผยตัวเลขชาวสหรัฐที่ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานซึ่งพุ่งสูงเกินคาดแตะที่ระดับ 558,000 ราย

ทั้งนี้ ผลสำรวจโดยรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนชี้ว่า ชาวอเมริกันจำนวนมากยังคงกังวลเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของตัวเอง ทำให้ยังไม่กล้าใช้จ่าย แม้จะเชื่อว่าเศรษฐกิจในภาพรวมจะดีขึ้นก็ตาม ซึ่งการใช้จ่ายของผู้บริโภคนับว่ามีความสำคัญอย่างมากต่อการที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นจากภาวะถดถอย เนื่องจากคิดเป็นสัดส่วนถึง 2 ใน 3 หรือราว 70% ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งหมดในสหรัฐ

ขณะเดียวกัน เงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบยูโร หลังจากที่อ่อนตัวมา 3 วัน ได้ลดความน่าดึงดูดใจให้เทรดเดอร์เข้าซื้อน้ำมันในฐานะการลงทุนทางเลือกเพื่อเก็งกำไรด้วยเช่นกัน

อองตวน ฮัลฟฟ์ นักวิเคราะห์จากบ.นิวเอดจ์ กล่าวว่า ราคาน้ำมันจะมุ่งสู่ช่วงขาลงในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า ถ้าเศรษฐกิจยังไม่ส่งสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนมากกว่านี้ โดยดีมานด์พลังงานจากผู้บริโภคและธุรกิจต่างๆที่ยังซบเซา จะกดดันให้นักลงทุนที่เข้าซื้อน้ำมันเพื่อเก็งกำไรจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ถอนตัวไปในที่สุด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ