สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ปิดพุ่งขึ้นเหนือระดับ 74 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (24 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นและจะหนุนดีมานด์พลังงานเพิ่มขึ้นด้วย หลังจากเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ระยะฟื้นตัวแล้ว
บลูมเบิร์กรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 48 เซนต์ หรือ 0.65% ปิดที่ 74.37 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งถือเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค.2551
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 1.85 เซนต์ ปิดที่ 1.9234 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 5.35 เซนต์ ปิดที่ 2.0491 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 7 เซนต์ ปิดที่ 74.26 ดอลลาร์/บาร์เรล
จิม ริทเทอร์บุช นักวิเคราะห์จากบริษัท Ritterbusch and Associates ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงานชื่อดังของสหรัฐ กล่าวว่า นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบต่อเนื่องจากเมื่อวันศุกร์ หลังจากเบอร์นันเก้กล่าวในที่ประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็คสัน โฮล รัฐไวโอมิง เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ "ระยะฟื้นตัว" แล้ว และคาดว่าจะกลับมาขยาตัวได้อีกครั้งในไม่ช้านี้ หลังจากเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงและถูกกระทบหนักสุดจากวิกฤตการณ์การเงิน
เบอร์นันเก้กล่าวว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งในสหรัฐและประเทศอื่นๆทั่วโลกเริ่มฟื้นตัว และคาดว่าเศรษฐกิจจะกลับมาขยายตัวได้อีกครั้งในอนาคตอันใกล้นี้ หลังจากเศรษฐกิจหดตัวรุนแรงในปีที่แล้ว นอกจากนี้ เขาเชื่อว่าเศรษฐกิจโลกได้ผ่านพ้นวิกฤตการณ์ที่รุนแรงที่สุดไปแล้ว ซึ่งนับจากนี้เศรษฐกิจจะเข้าสู่ระยะฟื้นตัว
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 900,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 200,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 900,000 บาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจเพิ่มขึ้น 0.3%