ออยล์ เวิลด์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับเมล็ดธัญพืชที่ใช้สกัดน้ำมันทั่วโลก รายงานในที่ประชุมสมาคมผู้ผลิตถั่วเหลืองแห่งสหรัฐว่า กลุ่มส่งออกถั่วเหลืองของสหรัฐ ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่สุดของโลก ได้ส่งออกถั่วเหลืองจำนวนมากในช่วง 2-3 เดือนแรกของฤดูเก็บเกี่ยวเนื่องจากดีมานด์เพิ่มขึ้น
"สหรัฐนำถั่วเหลืองออกขายมากที่สุดในเดือนต.ค.และพ.ย. นับเป็นความท้าทายครั้งสำคัญสำหรับผู้ส่งออกสหรัฐที่จะตอบสนองดีมานด์ทั่วโลกในเวลาที่เหมาะสม" โธมัส เมลเค ผู้อำนวยการบริหารออยล์ เวิล์ด กล่าว
สัญญาถั่วเหลือล่วงหน้าที่ตลาด CBOT ร่วงลง 25% จากระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือนในเดือนมิ.ย. เนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่าผลผลิตถั่วเหลืองในสหรัฐจะพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งจะส่งผลให้ซัพพลายภายในประเทศสูงขึ้นและจะทำให้ราคาชะลอตัวลง ส่วนเมื่อวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา สัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย.ปิดที่ 9.22 ดอลลาร์/บุชเชล
เมลเค คาดการณ์ว่า ซัพพลายเมล็ดธัญพืชที่ใช้สกัดน้ำมันทั่วโลกจะลดลง 5 ล้านเมตริกตันในช่วงครึ่งแรกของฤดูการเก็บเกี่ยวปีพ.ศ.2552-2553 เนื่องจากผลผลิตถั่วเหลืองในจีนลดลง นอกจากนี้ คาดว่า ราคาส่งออกถั่วเหลืองของสหรัฐจะพุ่งขึ้นเนื่องจากภาวะซัพพลายตึงตัวและทางการสหรัฐจำกัดกำลังการขนส่งที่ท่าเรือหลายแห่ง ซึ่งจะสร้างความยากลำบากให้กับกลุ่มผู้ซื้อถั่วเหลือง
อย่างไรก็ตาม เมลเคคาดว่าซัพพลายธัญพืชประเภทดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนมี.ค.-ส.ค.ปีหน้า เนื่องจากผลผลิตในอเมริกาใต้ รวมถึงบราซิลซึ่งเป็นผู้ปลูกและผู้ส่งออกรายใหญ่สุดของโลก และอาร์เจนตินา เพิ่มปริมาณการผลิตอีก 24 ล้านตัน
บลูมเบิร์กรายงานว่า การผลิตถั่วเหลืองคิดเป็นสัดส่วนกว่าครึ่งหนึ่งของปริมาณการผลิตเมล็ดธัญพืชที่ให้น้ำมันทั่วโลก รวมถึงปาล์มเคอร์เนล มะพร้าว เมล็ดละหุ่ง เมล็ดดอกทานตะวัน และเมล็ดฝ้าย