สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ปรับเพิ่มคาดการณ์ดีมานด์น้ำมันทั่วโลกในปีนี้ เป็นลดลง 2.2% จากปี 2551 ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ในรายงานเดือนที่แล้วว่าจะลดลง 2.7% นับเป็นการยกระดับคาดการณ์เป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน เนื่องจากปริมาณการใช้น้ำมันในจีนและสหรัฐเพิ่มขึ้นเหนือความคาดหมาย
IEA คาดการณ์ว่า ความต้องการน้ำมันทั่วโลกในปี 2552 จะเพิ่มขึ้น 1.5% แตะที่ระดับ 84.4 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 490,000 บาร์เรลจากการคาดการณ์ในเดือนที่แล้ว พร้อมกันนี้ IEA ยังได้คาดการณ์ดีมานด์น้ำมันปี 2553 ว่าจะอยู่ที่ระดับ 85.7 ล้านบาร์เรล/วัน มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ราว 450,000 บาร์เรล/วัน
IEA กล่าวในรายงานว่า "มีหลักฐานบ่งชี้มากขึ้นว่าเศรษฐกิจโลกกำลังมีเสถียรภาพ ซึ่งเป็นผลมาจากภาคอุตสาหกรรมเริ่มฟื้นตัวขึ้นและรัฐบาลทั่วโลกใช้มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งทำให้ดีมานด์น้ำมันในสหรัฐ จีน และประเทศอื่นๆในเอเชีย ปรับตัวขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ แต่ปัจจัยหลักที่ทำให้ดีมานด์น้ำมันทั่วโลกสูงขึ้นในปีนี้มาจากปริมาณการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นในจีน ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการที่จีนสำรองน้ำมันมากขึ้น"
นอกจากนี้ IEA ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ดีมานด์น้ำมันในอเมริกาเหนือปีนี้และปีหน้าขึ้นราว 180,000 บาร์เรลต่อวัน หลังจากมีข้อมูลระบุว่าปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินและน้ำมันฮีทติ้งออยล์เพิ่มขึ้นอย่างมากในเดือนมิ.ย. โดย IEA ระบุในรายงานคาดการณ์ล่าสุดว่า ดีมานด์ในอเมริกาเหนือจะหดตัว 4.4% ปีนี้ เทียบกับคาดการณ์ในเดือนที่แล้วว่าจะหดตัว 5.1% ส่วนในปีหน้านั้น IEA ประเมินว่าดีมานด์ในภูมิภาคนี้จะขยายตัว 0.8%
บลูมเบิร์กรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX พุ่งขึ้นไปแล้ว 62% ในปีนี้ และสัญญาเคลื่อนไหวอยู่เหนือระดับ 72 ดอลลาร์/บาร์เรลในวันนี้ เนื่องจากตลาดหุ้นทั่วโลกคึกคักขึ้นซึ่งทำให้นักลงทุนเชื่อว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวขึ้นด้วย นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบทะยานขึ้นหลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) มีมติคงเป้าหมายการผลิตน้ำมันไว้เท่าเดิม 24.845 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในการประชุมครั้งล่าสุด โดยโอเปคกล่าวว่าปัจจัยที่ทำให้ตัดสินใจคงเป้าหมายการผลิตไว้ที่เดิมก็เพราะตลาดน้ำมันดิบอยู่ในภาวะ "โอเวอร์ซัพพลาย"