สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 ก.ย.) เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าโรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐอาจลดปริมาณการผลิตเพื่อไม่ให้สต็อกน้ำมันอยู่ในระดับสูงจนเกินไป นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ของสหรัฐอย่างใกล้ชิด
บลูมเบิร์กรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 43 เซนต์ หรือ 0.62% ปิดที่ 68.86 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 68.02-69.51 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 1.14 เซนต์ หรือ 0.66% แตะที่ 1.7422 ดอลลาร์แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 1.65 เซนต์ ปิดที่ 1.7433 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE ที่ตลาดลอนดอน ส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 25 เซนต์ ปิดที่ 67.44 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 66.66-68 ดอลลาร์
จิม ริทเทอร์บุช ประธานบริษัท Ritterbusch and Associates ซึ่งเป็นบริษัที่ปรึกษาด้านพลังงานรายใหญ่ของสหรัฐ กล่าวว่า นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากมีการคาดการณ์ว่าโรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐอาจลดปริมาณการผลิตเพื่อไม่ให้สต็อกน้ำมันอยู่ในระดับสูงจนเกินไป
นอกจากนี้ นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากบริษัทซีเอ็มอี กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้บริหารตลอดน้ำมัน NYMEX ตัดสินใจออกกฏควบคุมเพดานการถือครองสถานะการลงทุนในตลาดน้ำมันอย่างเข้มงวด
นักลงทุนติดตามดูข่าวที่ว่าบริษัท เปโตรบาส ของบราซิล ระบุว่าปริมาณน้ำมันสำรองที่สามารถผลิตได้ของเปโตรบาสจะอยู่ที่ 3.0-3.5 หมื่นล้านบาร์เรลภายในเวลา 3 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นผลจากการค้นพบแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่นอกชายฝั่งบราซิล
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า เชฟรอนและบริษัทพันธมิตรได้อนุมัติให้มีการดำเนินโครงการก๊าซกอร์กอนที่ออสเตรเลียแล้ว นับเป็นการปูทางสู่การจำหน่ายก๊าซที่คาดว่าจะทำรายได้ 3 แสนล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ 2.58 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในจีน อินเดีย และญี่ปุ่นในช่วง 20 ปีแรก โดยโครงการดังกล่าวจะใช้ต้นทุนประมาณ 4.3 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลียในการดำเนินการขั้นตอนแรก ซึ่งจะมีการก่อสร้างโรงงานผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวหรือแอลเอ็นจีในทันทีที่เกาะแบร์โรว์ ตั้งอยู่นอกชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ซึ่งกระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 2.7 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 800,000 บาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจลดลง 0.3%