สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (22 ก.ย.) เพราะได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ของสหรัฐ และการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะเสร็จสิ้นในวันพุธ
บลูมเบิร์กรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 1.84 ดอลลาร์ หรือ 2.64% ปิดที่ 71.55 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 69.61-71.85 ดอลลาร์ (สัญญาน้ำมันดิบเดือนต.ค.ครบกำหนดส่งมอบแล้วในวันอังคารที่ 22 ก.ย.)
ส่วนราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนพ.ย.ปิดบวก 1.83 ดอลลาร์ แตะที่ 71.76 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 6.04 เซนต์ ปิดที่ 1.8121 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 3.02 เซนต์ ปิดที่ 1.7816 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 1.84 ดอลลาร์ ปิดที่ 70.53 ดอลลาร์/บาร์เรล
ฟิล ไฟนน์ นักวิเคราะห์จาก PFGBest กล่าวว่า "สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นนักลงทุนให้เข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบ แต่หากดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงมากไปกว่านี้ก็จะขัดขวางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ"
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ซึ่งกระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจลดลง 0.9%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูผลการประชุมเฟดหลังจากมีการคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0-0.25% และข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดขายบ้านมือสองประจำเดือนส.ค., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนประจำเดือนส.ค. และยอดขายบ้านใหม่ประจำเดือนส.ค.