สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 3 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (24 ก.ย.) โดยสัญญาดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 8 สัปดาห์หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองที่ร่วงลงเกินคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจที่ยังคงเปราะบางในสหรัฐอาจฉุดรั้งดีมานด์พลังงานหดตัวลงด้วย นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังคงได้รับแรงกดดันจากรายงานสต็อกน้ำมันที่พุ่งขึ้นเหนือความคาดหมายในสหรัฐ
บลูมเบิร์กรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ย.ร่วงลง 3.08 ดอลลาร์ ปิดที่ 65.89 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 29 ก.ค.เป็นต้นมา
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนต.ค.ดิ่งลง 7.80 เซนต์ ปิดที่ 1.6814 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 6.83 เซนต์ ปิดที่ 1.6366 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ย.ร่วงลง 3.17 ดอลลาร์ หรือ 4.7% ปิดที่ 64.82 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 16 ก.ค.เป็นต้นมา
ริค มุลเลอร์ หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัท Energy Security Analysis Inc ในรัฐเมสซาชูเซทส์ กล่าวว่า นักลงทุนยังคงกระหน่ำขายสัญญาน้ำมันดิบต่อเนื่องจากเมื่อวันพุธ หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 18 ก.ย. พุ่งขึ้น 2.8 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 335.6 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในตลาดพลังงานคาดว่าจะร่วงลง 1.5 ล้านดอลลาร์
ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นพุ่งขึ้น 3.0 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 170.8 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 1.4 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น 5.4 ล้านบาร์เรล แตะที่ 213.1 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 400,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันลดลง 1.3% เหลือเพียง 85.6%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค.ร่วงลง 2.7% แตะระดับ 5.10 ล้านยูนิต จากเดือนก.ค.ที่ระดับ 5.24 ล้านยูนิตในเดือนก.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่ายอดขายบ้านมือสองจะอยู่ที่ 5.35 ล้านยูนิต
"สต็อกน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นเหนือความคาดหมายและยอดขายบ้านที่ร่วงลงเกินคาด ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่วิตกกังวลเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจและดีมานด์พลังงานที่หดตัวลง ความเคลื่อนไหวของสัญญาน้ำมันดิบในปัจจุบันขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจมากกว่าความขัดแย้งทางการเมือง นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูการประชุม G20 ที่เมืองพิทซ์เบิร์ก หลังจากกลุ่มผู้นำ G20 ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่างๆเกี่ยวกับการใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงิน" มุลเลอร์กล่าว
อย่างไรก็ตาม สำนักงานพลังงานสากล หรือ IEA คาดการณ์ว่า ความต้องการน้ำมันทั่วโลกในปี 2552 จะเพิ่มขึ้น 1.5% แตะที่ระดับ 84.4 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 490,000 บาร์เรลจากการคาดการณ์ในเดือนที่แล้ว พร้อมกันนี้ IEA ยังได้คาดการณ์ดีมานด์น้ำมันปี 2553 ว่าจะอยู่ที่ระดับ 85.7 ล้านบาร์เรล/วัน มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ราว 450,000 บาร์เรล/วัน