บริษัท รอยัล ดัทช์ เชลล์ มีแนวโน้มแซงหน้าบริษัท บีพี ในด้านการผลิตน้ำมัน หลังจากเชลล์เข้าไปลงทุนในหลายประเทศตั้งแต่กาตาร์จนถึงบราซิล เป็นวงเงินราว 4 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยเชลล์เปิดเผยว่าทางบริษัทจะเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันและก๊าซอีก 1 ใน 3 ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตพลังงานของเชลล์เพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล เป็น 4.25 ล้านบาร์เรล/วัน ภายในปีพ.ศ.2555 แซงหน้าผลผลิตของบีพีที่ 4.1 ล้านบาร์เรล/วัน
มูลค่าการลงทุนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีพ.ศ.2552 ทำให้นายปีเตอร์ โวเซอร์ ซีอีโอของเชลล์ขยายโครงการลงทุนมากมาย รวมถึงการลงทุนในแคนาดา และโครงการซัคคาริน 2 ในเขตฟาร์อีสต์ของรัสเซีย ซึ่งความคืบหน้าดังกล่าวจะช่วยให้ราคาเชลล์ในตลาดหุ้นลอนดอนฟื้นตัวขึ้น หลังจากราคาหุ้นเชลล์ดิ่งลงอย่างหนักในปีนี้ สวนทางกับราคาหุ้นบีพีที่พุ่งขึ้น
"เชลล์มีโครงการลงทุนอีกมากมายใน 4-5 ปีข้างหน้านี้ ซึ่งช่วยให้เชลล์ก้าวขึ้นแซงหน้าคู่แข่งรายสำคัญอย่างบีพี" ปีเตอร์ เฮเจน นักวิเคราะห์จาก Theodoor Gilissen Bankiers NV กล่าว พร้อมกับแนะนำให้นักลงทุนซื้อหุ้นเชลล์ และคาดว่าราคาหุ้นเชลล์จะพุ่งขึ้นอีก 14% ในปีหน้า
เชลล์เป็นบริษัทน้ำมันรายใหญ่สุดของยุโรปเมื่อพิจารณาจากมูลค่าตลาด แต่หลายปีที่ผ่านมาเชลล์ถูกบีพีแซงหน้าในด้านการผลิต เนื่องจากฐานการผลิตน้ำมันของเชลล์ในไนจีเรียถูกกลุ่มก่อการร้ายโจมตี ทำให้ผลประกอบการของเชลล์อ่อนแอลงเนื่องจากอุตสาหกรรมการผลิตและสำรวจน้ำมันเป็นรายได้หลักของบริษัท
บลูมเบิร์กรายงานว่า ผลผลิตน้ำมันของเชลล์ในปีพ.ศ.2551 โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 3.25 ล้านบาร์เรล ขณะที่ผลผลิตน้ำมันของบพีอยู่ที่ 3.84 ล้านบาร์เรล จากนั้นบีพีได้เพิ่มปริมาณการผลิตขึ้นมากกว่า 4 ล้านบาร์เรลในไตรมาส 2 ของปีนี้