สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (29 ก.ย.) เพราะได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งทำให้สินค้าโภคภัณฑ์มีความน่าสนใจน้อยลง นอกจากนี้ นักลงทุนยังเทขายสัญญาน้ำมันดิบหลังจากมีการคาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะพุ่งขึ้น และตัวเลขจ้างงานจะลดลงอย่างต่อเนื่อง
บลูมเบิร์กรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 13 เซนต์ ปิดที่ 66.71 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 66.71-66.50 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 5 เซนต์ ปิดที่ 65.49 ดอลลาร์/บาร์เรล
จีน แมคกิลเลียน นักวิเคราะห์จากบริษัท Tradition Energy ในรัฐคอนเน็กติกัต กล่าวว่า ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ และกระแสคาดการณ์ที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐจะพุ่งขึ้น นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีท่าทีระมัดระวังก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญๆในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะตัวเลขจ้างงานสหรัฐที่ถูกจับตาดูมากที่สุด
กระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันในวันพุธ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบอาจเพิ่มขึ้น 500,000 บาร์เรล, สต็อกน้ำมันกลั่นอาจเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินอาจเพิ่ม ขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรลเช่นกัน ขณะที่อัตราการใช้กำลังการกลั่นอาจลดลง 0.4%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญๆของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (nonfarm payroll) เดือนก.ย. และกระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนส.ค. โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขการจ้างงานเดือนก.ย.จะลดลง 180,000 ตำแหน่ง หลังจากดิ่งลง 216,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. และอัตราว่างงานจะอยู่ที่ 9.8% ในเดือนก.ย. เพิ่มขึ้นจาก 9.7% ในเดือนส.ค.
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองระหว่างอิหร่านและชาติตะวันตก รวมถึงจับตาดูท่าทีขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) หลังจากสถานีโทรทัศน์ของทางการอิหร่านรายงานว่า อิหร่านได้ทดสอบยิงขีปนาวุธ "ชาฮับ 3" พิสัยระยะกลาง ซึ่งมีรัศมีทำการไกลถึงอิสราเอลและฐานทัพของสหรัฐในภูมิภาคอ่าวอาหรับ