ผลสำรวจชี้กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันในเดือนก.ย. โดยประเทศอิรัก ซาอุดิอาระเบีย และแองโกลา เป็นประเทศที่ลดกำลังการผลิตน้ำมันลงมากที่สุด
ผลสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์ ผู้ผลิต และบริษัทน้ำมันที่จัดทำโดยบลูมเบิร์กระบุว่า ผลผลิตน้ำมันในเดือนก.ย.โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 28.395 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งลดลง 50,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนส.ค.
ทั้งนี้ กลุ่มประเทศโอเปคได้ลงมติในเดือนก.ย.2551 ว่าจะลดโควต้าการผลิตน้ำมันลง 4.2 ล้านบาร์เรลต่อวันเหลือ 24.845 ล้านบาร์เรล ที่ประชุมรัฐมนตรีน้ำมันที่กรุงเวียนนาในเดือนที่ผ่านมาได้คงเป้าหมายการผลิตน้ำมันที่ระดับเดิมท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวขึ้นและจะช่วยกระตุ้นอุปสงค์รวมถึงหนุนให้ราคาปรับตัวขึ้นได้
ราคาน้ำมันเคลื่อนไหวในกรอบ 65-75 ดอลลาร์/บาร์เรลนับตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค.เป็นต้นมา โดยเมื่อวานนี้ ราคาน้ำมัน NYMEX พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบเกือบ 6 เดือนถึง 5.9% ปิดที่ 70.61 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งทะยานขึ้นกว่า 2 เท่าจากระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 4 ปีที่ 32.40 ดอลลาร์/บาร์เรล
การลดกำลังการผลิตน้ำมันทำให้โอเปคมีปริมาณน้ำมันสำรองต่อวันที่ระดับ 6.105 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ทั้งนี้ ผลสำรวจระบุว่า ผลผลิตน้ำมันในอิรักลดลง 40,000 บาร์เรลมาอยู่ที่ 2.35 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับที่ลดลงหนักสุดในกลุ่มประเทศโอเปค ส่วนซาอุดิอาระเบีย ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่สุดของโอเปคมีกำลังการผลิตน้ำมัน 8.015 ล้านบาร์เรลต่อวัน และคูเวตมีกำลังการผลิตที่ 2.185 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่วนกาตาร์ผลิตน้ำมันได้ 720,000 บาร์เรลต่อวัน
ขณะเดียวกัน ไนจีเรีย เวเนซูเอล่า มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นสูงสุด 25,000 บาร์เรลในเดือนที่ผ่านมาแตะระดับ 1.805 ล้านบาร์เรลต่อวัน และ 2.23 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตามลำดับ ตามด้วยอิหร่านที่มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 20,000 บาร์เรลต่อวันแตะที่ 3.78 ล้านบาร์เรล และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มีการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น 20,000 บาร์เรลต่อวัน เป็น 2.27 ล้านบาร์เรลต่อวัน