สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (5 ต.ค.) เพราะได้รับแรงหนุนจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่พุ่งขึ้นหลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีภาคบริการที่แข็งแกร่งเกินคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าภาคบริการที่ฟื้นตัวขึ้นจะช่วยหนุนเศรษฐกิจและกระตุ้นดีมานด์พลังงานให้เพิ่มขึ้นด้วย
บลูมเบิร์กรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 46 เซนต์ ปิดที่ 70.41 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 71.00-68.50 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนพ.ย.ร่วงลง 0.52 เซนต์ ปิดที่ 1.7916 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนพ.ย.ดีดขึ้น 1.30 เซนต์ ปิดที่ 1.7539 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 3 เซนต์ ปิดที่ 68.04 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทิม อีแวนส์ นักวิเคราะห์ด้านพลังงานจากบริษัท Citi Futures Perspective ในนิวยอร์กกล่าวว่า นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อภาพรวมเศรษฐกิจมากขึ้นหลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการเดือนก.ย.พุ่งขึ้นแตะระดับ 50.9 จุด ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ โดยดัชนีที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ถึงการขยายตัว
"ภาคบริการในสหรัฐคิดเป็นร้อยละ 80 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดหวังว่าเมื่อภาคบริการฟื้นตัวขึ้นก็จะช่วยหนุนเศรษฐกิจและกระตุ้นดีมานด์พลังงานให้เพิ่มขึ้นด้วย หลังจากก่อนหน้านี้นักลงทุนผิดหวังอย่างมากต่ออัตราว่างงานในสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 26 ปี" อีแวนส์กล่าว
อีแวนส์ยังกล่าวด้วยว่า ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นเริ่มเข้ามามีอิทธิพลต่อทิศทางราคาน้ำมัน เพราะเมื่อตลาดหุ้นดีดตัวขึ้นจะยิ่งทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นและหันเข้าเทรดในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน และเหตุการณ์รุนแรงในไนจีเรีย
นายมูฮัมหมัด เอลบาราดี ผู้อำนวยการสำนักงานพลังงานปรมานูสากล (IAEA) เปิดเผยในวันนี้ว่า คณะทำงานของ IAEA กำหนดให้วันที่ 25 ต.ค.เป็นวันที่จะเข้าตรวจสอบโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน โดยนายเอลบาราดีเปิดเผยหลังจากเจรจากับเจ้าหน้าที่อิหร่านเกี่ยวกับวัตถุประสงค์การเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมและโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านที่กำลังสร้างความวิตกกังวลไปทั่วโลก
นักลงทุนติดตามดูสถานการณ์ในอิหร่านอย่างใกล้ชิด นับตั้งแต่อิหร่านยิงทดสอบขีปนาวุธ "ชาฮับ 3" พิสัยระยะกลางเมื่อวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งนักวิเคราะห์ด้านกลาโหมเชื่อว่าขีปนาวุธลูกนี้มีรัศมีทำการไกลถึงอิสราเอลและฐานทัพของสหรัฐในภูมิภาคอ่าวอาหรับ
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ซึ่งกระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 300,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันมีแนวโน้มลดลง 0.7%