CWA Global Markets Pty กล่าวว่า เหตุการณ์ประท้วงราคาอาหารที่พุ่งสูงทั่วโลกเมื่อปีที่แล้วอาจเกิดขึ้นอีกครั้งในเอเชียในปีหน้า หลังผลผลิตข้าวในอินเดียลดลงเนื่องจากสภาพอากาศแห้งแล้ง ขณะเดียวกันพื้นที่เพาะปลูกในฟิลิปปินส์ก็ได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติ
"เราจะไม่แปลกใจเลยหากเกิดวิกฤตข้าวขึ้นอีกครั้งในเอเชียช่วงปีหน้า" ปีเตอร์ แมคไกวร์ กรรมการผู้จัดการบริษัท CWA Global Markets Pty กล่าว "เราเชื่อว่าปัญหาด้านสภาพภูมิอากาศในอินเดียและฟิลิปปินส์จะทำให้ราคาข้าวพุ่งสูงไปจนถึงช่วงไตรมาส 2 ของปีหน้า"
บลูมเบิร์กรายงานว่า การประท้วงเมื่อปีที่แล้วเกิดขึ้นหลังผู้ผลิตข้าวรายใหญ่อย่างอินเดีย เวียดนาม และจีน ลดการส่งออกข้าว ส่งผลให้ราคาข้าวพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 25.07 ดอลลาร์/100 ปอนด์ในเดือนเมษายน 2551 ทำให้รัฐบาลทั่วโลกต้องเร่งสำรองข้าวเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการในปรเทศ
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นราคาข้าวเปลือกก็ลดลงเกือบ 50% เนื่องจากเกษตรกรทั่วโลกเร่งผลิตข้าวชดเชยจนผลผลิตข้าวพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยล่าสุดราคาสัญญาข้าวเปลือกส่งมอบเดือนพฤศจิกายนปรับตัวสูงขึ้น 0.6% แตะระดับ 13.305 ดอลลาร์/100 ปอนด์
คอนเซปเชียน คัลป์ นักเศรษฐศาสตร์ระดับสูงจากองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) กล่าวว่า สภาพอากาศที่แห้งแล้งในอินเดียอาจทำให้ผลผลิตข้าวลดลงราว 18% แตะ 81 ล้านตันในปีการตลาดซึ่งเริ่มต้นเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้อุปทานข้าวทั่วโลกลดลง
ก่อนหน้านี้ FAO คาดการณ์ว่าสต็อกข้าวทั่วโลกจะลดลง 3% แตะ 117.4 ล้านตันภายในสิ้นปีการตลาด 2552-2553 แต่ตอนนี้คาดว่าอาจลดลงอีกหลังฟิลิปปินส์ถูกพายุถล่มถึง 2 ลูก จนทำให้ผลผลิตข้าวเสียหายอย่างน้อย 450,000 ตัน หรือ 7% ของผลผลิตในช่วงไตรมาส 4
อย่างไรก็ตาม คัลป์ยังยืนยันว่า "ตอนนี้ยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าเกิดการขาดแคลนข้าวในตลาด" ขณะเดียวกันผู้บริโภคในหลายประเทศมีแนวโน้มว่าอาจหันไปบริโภคข้าวสาลีซึ่งมีปริมาณมากกว่าแทนการบริโภคข้าว ซึ่งอาจช่วยกดราคาข้าวให้ลดลงได้