สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (8 ต.ค.) เพราะได้รับแรงหนุนจากการร่วงลงของค่าเงินดอลลาร์และสต็อกน้ำมันดิบที่ร่วงลงในสหรัฐ นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากตัวเลขว่างงานประจำสัปดาห์ของสหรัฐที่ปรับตัวลดลง
บลูมเบิร์กรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 2.12 ดอลลาร์ ปิดที่ 71.69 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 71.69-71.00 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนพ.ย.ดีดขึ้น 6.58 เซนต์ ปิดที่ 1.8469 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 5.94 เซนต์ ปิดที่ 1.7797 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนส่งมอบเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 2.57 ดอลลาร์ หรือ 3.8% ปิดที่ 69.77 ดอลลาร์/บาร์เรล
บิล โอ กราดี้ หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัท Confluence Investment Management กล่าวว่า สัญญาน้ำมันดิบทะยานขึ้นแข็งแกร่ง หลังจากกระทรวงพลังงานรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 2 ต.ค. ลดลง 1 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 337.4 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล ซึ่งทำให้นักลงทุนมองว่าดีมานด์พลังงานในสหรัฐแข็งแกร่งขึ้นเนื่องจากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวขึ้น
ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 700,000 บาร์เรล แตะที่ 171.8 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 300,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น 2.9 ล้านบาร์เรล แตะที่ 214.4 ล้านบาร์เรล เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 1 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 0.4% แตะที่ 85.0%
นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจมากขึ้นหลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในช่วงสัปดาห์ที่แล้วลดลง 33,000 ราย แตะ 521,000 ราย ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐถดถอยในอัตราที่ช้าลง เนื่องจากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวขึ้น
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้รับแรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่ร่วงลงเมื่อเทียบกับยูโร หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ 1% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ขณะที่นายฌอง-คล้อด ทริเชต์ ประธานอีซีบีกล่าวว่า เศรษฐกิจในยุโรปฟื้นตัวขึ้นจากภาวะถดถอยแล้ว