จิม โรเจอร์ส ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ระดับแนวหน้าของโลกและเจ้าของบริษัท โรเจอร์ส โฮลดิ้งส์ คาดการณ์ว่า ราคาข้าวในตลาดโลกจะพุ่งสูงขึ้นเนื่องจากสต็อกข้าวทั่วโลกปรับตัวลดลง และผลผลิตข้าวในอินเดียหดตัวลง
"ปัญหาเรื่องการผลิตข้าวกำลังทำให้เศรษฐกิจโลกตกอยู่ในภาวะที่เปราะบางมาก โดยเฉพาะปัญหาผลผลิตข้าวตกต่ำในอินเดีย ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะทำให้ราคาข้าวในตลาดโลกพุ่งขึ้น นอกจากนี้ สต็อกข้าวทั่วโลกที่ปรับตัวลดลงจะเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ดันราคาข้าวสูงขึ้นด้วย ผมคาดว่าซัพพลายข้าวทั่วโลกกำลังตึงตัว ในขณะที่ผลผลิตกำลังลดลงอันเนื่องมาจากหลากหลายเหตุผล รวมถึงการที่เกษตรกรเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ยาก จึงทำให้เกษตรกรไม่สามารถขยายผลผลิตและพื้นที่เพาะปลูก ผลพวงที่ตามมาคือผลผลิตตกต่ำ" โรเจอร์สซึ่งเคยคาดการณ์ไว้อย่างถูกต้องว่าราคาสินค้าโภคภัณฑ์จะเริ่มแพงขึ้นในปีพ.ศ.2542 กล่าว
ด้านนายคอนเซปเชียน คัลป์ นักเศรษฐศาสตร์ระดับสูงจากด้านองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) เปิดเผยในการประชุมที่บาหลีว่า สต็อกข้าวของ 5 ประเทศยักษ์ใหญ่ด้านการส่งออกของโลกมีแนวโน้มทรุดตัวลง 1 ใน3 สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี ซึ่งทำให้ราคาข้าวพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยระบุว่าสภาพอากาศที่แห้งแล้งในอินเดียอาจทำให้ผลผลิตข้าวลดลงราว 18% แตะ 81 ล้านตันในปีการตลาดซึ่งเริ่มต้นเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ซัพพลายข้าวทั่วโลกลดลง
ก่อนหน้านี้ FAO คาดการณ์ว่า สต็อกข้าวทั่วโลกจะลดลง 3% แตะ 117.4 ล้านตันภายในสิ้นปีการตลาด 2552-2553 แต่ปัจจุบันคาดว่าสต็อกข้าวทั่วโลกอาจจะลดลงอีกหลังฟิลิปปินส์ถูกพายุถล่มถึง 2 ลูก จนทำให้ผลผลิตข้าวเสียหายอย่างน้อย 450,000 ตัน หรือ 7% ของผลผลิตในช่วงไตรมาส 4
ราคาข้าวทั่วโลกพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในปีพ.ศ.2551 เนื่องจากสต็อกข้าวทั่วโลกหดตัวลง ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลเรื่องวิกฤตการณ์อาหารทั่วโลก อีกทั้งยังทำให้กลุ่มผู้ผลิตข้าว รวมถึงอินเดียและเวียดนาม พากันลดการส่งออกข้าวเพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อและตุนข้าวไว้ให้เพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศ สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่ของโลกได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก
ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์ของ FAO คาดว่า สต็อกข้าวในประเทศไทย เวียดนาม สหรัฐ ปากีสถาน และอินเดีย จะลดลงสู่ระดับ 20 ล้านเมตริกตันภายในช่วงสิ้นสุดรอบปีการตลาด ณ วันที่ 30 ก.ย. จากรอบปีก่อนหน้านี้ที่ 30 ล้านเมตริกตัน ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ และอาจทำให้ประเทศเหล่านี้ต้องนำเข้าข้าวมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม FAO คาดว่า สต็อกข้าวที่เพิ่มขึ้นในจีนซึ่งเป็นผู้ปลูกข้าวและบริโภคข้าวรายใหญ่ของโลก จะช่วยให้สต็อกข้าวทั่วโลกลดลงเพียง 3% สู่ระดับ 117.4 ล้านเมตริกตัน และคาดว่า ผลผลิตข้าวในเวียดนามซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่อันดับ 2 ของโลกจะพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 37.9-38.3 ล้านตันในปีหน้า บลูมเบิร์กรายงาน