สมาคมเหล็กและเหล็กกล้าของจีนเปิดเผยในที่ประชุมที่เมืองชิงเต่าในวันนี้ว่า จีนกำลังหาลู่ทางที่จะเป็นผู้กำหนดราคาสินแร่เหล็กที่นำเข้าจากประเทศต่างๆทั่วโลก โดยมีเป้าหมายที่จะแสดงอำนาจต่อรองในฐานะที่จีนเป็นผู้ซื้อสินแร่เหล็กรายใหญ่สุดของโลก
"จีนวางแผนที่จะเป็นผู้กำหนดราคาสินแร่เหล็กที่นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งหากดูจากสัญญาการส่งมอบ จีนจะสามารถดำเนินการดังกล่าวได้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ปีหน้า แม้ว่าจีนมีนโยบายควบคุมการนำเข้าเหล็ก แต่ยอดนำเข้าเหล็กของจีนยังคงเพิ่มขึ้นมากเนื่องจากมาตรการดังกล่าวไม่ได้ลงรายละเอียดที่ชัดเจน การทบทวนกฎหมายนำเข้าเหล็กควรจะเป็นวาระเร่งด่วนในขณะนี้" นายชาน ชางหัว เลขาธิการสมาคมเหล็กและเหล็กกล้าของจีน
นายชานยังกล่าวด้วยว่า "สมาคมเหล็กและเหล็กกล้าจะแจ้งให้กับซัพพลายเออร์ทั่วโลกทราบว่าพวกเขาไม่ควรขายสินแร่เหล็กในราคาที่แตกต่างกันให้กับจีน และจะแจ้งให้ทราบว่าจีนต้องการซื้อสินแร่เหล็กในรูปของการทำสัญญาระยะยาว มากกว่าการซื้อขายแบบทำสัญญาในระยะสั้นๆ"
ทั้งนี้ นายชานเชื่อมั่นว่า ในอีก 2-3 ปีข้างหน้านี้จีนจะก้าวขึ้นเป็นผู้ที่สามารถกำหนดราคาสินแร่เหล็กเมื่อจีนทุ่มเงินลงทุนในอุตสาหกรรมเหมืองในต่างประเทศ และเชื่อว่าผลผลิตสินแร่เหล็กของจีนจะเพิ่มขึ้นด้วย
บลูมเบิร์กรายงานว่า รัฐบาลจีนกำลังเร่งเพิ่มรายละเอียดที่เฉพาะเจาะจงในนโยบายควบคุมการนำเข้าสินแร่เหล็ก เนื่องจากปริมาณนำเข้าสินแร่เหล็กที่สูงเกินไปส่งผลให้มีการเก็งกำไรราคา โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ยอดนำเข้าสินแร่เหล็กพุ่งขึ้น 36% แตะที่ 469.4 ล้านตัน
สมาคมเหล็กโลก (World Steel Association) คาดการณ์ว่า ภาวะซบเซาในตลาดเหล็กกล้าทั่วโลกได้สิ้นสุดลงแล้ว และคาดว่าความต้องการเหล็กกล้าทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 9.2% แตะระดับ 1.2 พันล้านตันในปีหน้าเพราะได้แรงหนุนจากดีมานด์ในสหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่นที่ดีดตัวขึ้น ขณะเดียวสมาคมเหล็กโลกคาดว่า ปริมาณการใช้เหล็กกล้าในจีนจะขยายตัว 19% สู่ระดับ 526 ล้านตันในปีนี้ ซึ่งจะช่วยจำกัดการหดตัวของดีมานด์เหล็กทั่วโลกได้