สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดเหนือระดับ 78 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบปีเมื่อคืนนี้ (16 ต.ค.) หลังเงินดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงทำให้สินค้าโภคภัณฑ์ดึงดูดใจนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น
สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ย.บวก 95 เซนต์ ปิดที่ 78.53 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 1.16 เซนต์ ปิดที่ 2.0297 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 3.44 เซนต์ ปิดที่ 1.9793 ดอลลาร์/แกลลอน ขณะที่สัญญาก๊าซธรรมชาติส่งมอบเดือนพ.ย.ดีดขึ้น 29.9 เซนต์ ปิดที่ 4.781 ดอลลาร์/1000 ลูกบาศก์ฟุต
โดยเงินดอลลาร์อ่อนค่าแตะระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบซื้อขายกันด้วยเงินดอลลาร์ ดังนั้นน้ำมันจึงมีราคาถูกลงเมื่อเงินดอลลาร์อ่อนค่า ส่งผลให้ดึงดูดใจนักลงทุนมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ไมเคิล ลินช์ ประธานสถาบันวิจัยเศรษฐกิจและพลังงาน เชื่อว่าราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นเพราะความคาดหวังของนักลงทุนมากกว่าสภาพความเป็นจริงในตลาด เนื่องจากตอนนี้ยังมีน้ำมันในตลาดอยู่เป็นจำนวนมาก
แม้ความต้องการน้ำมันจะมีมากขึ้นราว 5% ในเดือนที่แล้ว แต่อุปทานน้ำมันก็ยังคงมีมากอยู่ดี โดยปัจจุบันสต็อกน้ำมันยังอยู่เหนือระดับค่าเฉลี่ยเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนๆ ขณะเดียวกันชาวอเมริกันก็ไม่ได้เดินทางมากเหมือนก่อนแล้ว ด้วยเพราะตกงานหรือเกรงว่าจะตกงาน