สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีเมื่อคืนนี้ (19 ต.ค.) โดยสัญญาน้ำมันดิบทะยานขึ้นเหนือระดับ 79 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากตลาดหุ้นทั่วโลกที่พุ่งขึ้นทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นและหนุนดีมานด์พลังงานให้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนตัวลงยังเป็นอีกปัจจัยที่หนุนสัญญาน้ำมันดิบทะยานขึ้นด้วย
บลูมเบิร์กรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 1.08 ดอลลาร์ หรือ 1.38% ปิดที่ 79.61 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 13 ต.ค.2551 เป็นต้นมา โดยในระหว่างวันสัญญาน้ำมันดิบเดือนพ.ย.เคลื่อนตัวในช่วง 78.05-79.69 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 2.25 เซนต์ ปิดที่ 2.0522 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนพ.ย.ขยับขึ้น 0.79 เซนต์ ปิดที่ 1.9872 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 78 เซนต์ หรือ 1.01% ปิดที่ 77.77 ดอลลาร์/บาร์เรล
แบรด แซมเพลส นักวิเคราะห์ด้านสินค้าโภคภัณฑ์จากบริษัท ซัมมิท เอนเนอร์จี ในรัฐเคนตั๊กกี้ กล่าวว่า "ดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง ช่วยหนุนสัญญาน้ำมันดิบเดือนพ.ย.ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี ตราบใดที่ดอลลาร์ยังคงอ่อนแอ สัญญาน้ำมันดิบก็จะอยู่ในช่วงขาขึ้นต่อไป อย่างไรก็ตาม มีนักลงทุนบางกลุ่มเข้ามาเทขายทำกำไรในระหว่างวัน ซึ่งทำให้แรงบวกในตลาดถูกสกัดลง"
แซมเพลสกล่าวว่า การพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นทั่วโลกทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วและช่วยหนุนดีมานด์พลังงานเพิ่มขึ้นด้วย โดยเมื่อคืนนี้ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี ขานรับผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทสหรัฐ รวมถึงบริษัท แกนเน็ทท์ โค อิงค์ และเท็กซัส อินสตรูเมนต์
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สัญญาน้ำมันทะยานขึ้นแข็งแกร่งขานรับเจพีมอร์แกนที่รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 พุ่งขึ้นแตะ 3.59 พันล้านดอลลาร์ หรือ 82 เซนต์ต่อหุ้น มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 51 เซนต์ บริษัท อินเทล คอร์ป ผู้ผลิตชิปรายใหญ่สุดของโลกที่รายงานว่า กำไรสุทธิในช่วงไตรมาสสามอยู่ที่ 1.9 พันล้านดอลลาร์ หรือ 33 เซนต์ต่อหุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ที่ 28 เซนต์ต่อหุ้น
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ซึ่งกระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 2.0 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจเพิ่มขึ้น 0.2% แตะที่ 81.1%