สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดสิงคโปร์ร่วงลงในช่วงเช้านี้ เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวขึ้น และหลังจากการปิโตรเลียมสหรัฐ (API) รายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้วพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับดีมานด์พลังงาน
บลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 09.31 น.ตามเวลาสิงคโปร์ในวันนี้ สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX เดือนธ.ค.ร่วงลง 58 เซนต์ หรือ 0.7% แตะที่ 78.54 ดอลลาร์/บาร์เรล จากระดับปิดที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ที่ 79.12 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเดือนพ.ย.ครบกำหนดส่งมอบแล้วและปิดที่ระดับ 79.09 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้
เดวิด มัวร์ นักวิเคราะห์ด้านสินค้าโภคภัณฑ์จากคอมมอนเวลธ์ แบงค์ ออฟ ออสเตรเลีย กล่าวว่า สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ปรับฐานลงหลังจากตลาดหุ้นอ่อนตัวลงและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือนเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังร่วงลงหลังจาก API รายงานสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้วพุ่งขึ้น 3.85 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินตามการสำรวจของ API ลดลง 558,000 บาร์เรล แตะที่ 209.8 ล้านบาร์เล และสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงเชื้อเพลิงดีเซลและน้ำมันฮีทติ้งออยล์ ลดลง 998,000 บาร์เรล แตะที่ 167 ล้านบาร์เรล
"ข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นของ API ทำให้นักลงทุนกังวลว่าภาวะเศรษฐกิจที่เปราะบางยังคงฉุดดีมานด์พลังงานให้หดตัวลงด้วย ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการของกระทรวงพลังงานสหรัฐในคืนนี้" มัวร์กล่าว
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 2.0 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจเพิ่มขึ้น 0.2% แตะที่ 81.1%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังผิดหวังกับรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด 0.5% แตะที่ 590,000 ยูนิตในเดือนก.ย. และตัวเลขการอนุญาตก่อสร้างลดลง 1.2% แตะที่ 573,000 ยูนิตในเดือนก.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านจะอยู่ที่ 610,000 ยูนิต และตัวเลขการอนุญาตก่อสร้างจะอยู่ที่ 610,000 ยูนิตในเดือนก.ย.