สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (27 ต.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยราคาบ้านดีดตัวขึ้นในเดือนส.ค. ซึ่งทำให้นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกว่าเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวขึ้นจะช่วยหนุนดีมานด์พลังงานเพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในวันพุธนี้
บลูมเบิร์กรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 87 เซนต์ ปิดที่ 79.55 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 77.81-79.78 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 2.16 เซนต์ ปิดที่ 2.0551 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 3.67 เซนต์ ปิดที่ 2.0705 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 66 เซนต์ ปิดที่ 77.92 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 76.42-78.17 ดอลลาร์
จอห์น คิลดัฟฟ์ นักวิเคราะห์จากบริษัท เอ็มเอฟ โกลบอล ในนิวยอร์กกล่าวว่า สัญญาน้ำมันทะยานขึ้นหลังจากสแตนดาร์ดแอนด์พัวร์/เคส-ชิลเลอร์ เปิดเผยดัชนีราคาบ้านใน 20 เขตเมืองของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1% ในเดือนส.ค.ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้
"การฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์สะท้อนถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจด้วย ซึ่งทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่เชื่อมั่นว่าดีมานด์พลังงานจะดีดตัวขึ้นด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ นักลงทุนยังติดตามความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะกำหนดทิศทางราคาน้ำมันในปัจจุบัน" คิลดัฟฟ์กล่าว
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกหลังจากตลาดน้ำมันนิวยอร์กปิดทำการแล้วนั้น ปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากการปิโตรเลียมสหรัฐ (API) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 23 ต.ค.ลดลง 3.5 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 671,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 255,000 บาร์เรล
โฮเซ่ มาเรีย โบเทลโฮ เดอ วาสคอนเซลอส ประธานกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) และรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานแองโกลา กล่าวว่า โอเปคอาจเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในการประชุมวันที่ 22 เดือนธันวาคมที่ประเทศแองโกลา หลังราคาน้ำมันพุ่งเหนือระดับ 75 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่สำนักงานพลังงานสากล (IEA) เตือนว่าราคาน้ำมันที่พุ่งสูงส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ซึ่งกระทรวงพลังงานจะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบอาจเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นอาจลดลง 900,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินอาจลดลง 300,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจเพิ่มขึ้น 0.4%