อารอน สมิธ กรรมการผู้จัดการบริษัท Superfund Financial Singapore Pte คาดการณ์ว่า ราคาทองคำในตลาดโลกอาจพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,000 ดอลลาร์/ออนซ์ ในอีก 3 ปีข้างหน้า เนื่องจากกลุ่มเฮดจ์ฟันด์เข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเหลี่ยงภาวะเงินเฟ้อหลังจากมีรายงานว่ารัฐบาลในหลายประเทศเตรียมพิมพ์ธนบัตรเพิ่มขึ้น
"ในอีก 2-3 ปีข้างหน้าเศรษฐกิจโลกจะเผชิญกับวงจรเงินเฟ้อที่รุนแรง หลังจากหลุดพ้นจากวงจรเงินฝืดเมื่อไม่นานมานี้ ในไม่ช้านี้หากคุณจะซื้อกาแฟซักแก้ว คุณจะต้องจ่ายเงินถึง 20-30 ดอลลาร์เพราะสกุลเงินดอลลาร์จะมีค่าน้อยลง ส่วนในเดือนนี้ราคาทองคำในตลาดโลกพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเมื่อรัฐบาลในหลายประเทศ รวมถึงสหรัฐเข้าซื้อตราสารหนี้เพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย จึงทำให้มีเม็ดเงินในระบบจำนวนมาก" สมิธกล่าว
สมิธยังกล่าวด้วยว่า "เมื่อสกุลเงินดอลลาร์ตกต่ำ สินทรัพย์ทุกประเภทในรูปสกุลเงินดอลลาร์ก็ตกต่ำด้วย สถานการณ์ดังกล่าวทำให้นักลงทุนแห่เข้าซื้อทองคำ นอกจากนี้ โลหะเงินจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่นักลงทุนให้ความสนใจ เราคาดว่ากองทุนบำเน็จบำนาญจะเข้าถือครองทองคำเพิ่มขึ้นเนื่องจากสกุลเงินต่างๆอ่อนค่าลง"
บลูมเบิร์กรายงานว่า การแสดงความคิดเห็นของสมิธสอดคล้องกับผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ รวมถึง เชน แมคไกวร์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยจากสถาบัน Retirement System of Texas และจิม โรเจอร์ส ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ระดับแนวหน้าของโลกและเจ้าของบริษัท โรเจอร์ส โฮลดิ้งส์ ที่คาดการณ์ว่าราคาทองคำในตลาดโลกจะพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,000 ดอลลาร์/ออนซ์ในทศวรรษหน้า เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์อ่อนแอ