สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลดลงต่ำกว่าระดับ 78 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ (30 ต.ค.) หลังเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังสหรัฐเผยตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ซบเซา ส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นและหันไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยมากกว่าอย่างเงินดอลลาร์
สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วง 2.87 ดอลลาร์ ปิดที่ 77 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากที่ทะยาน 2.41 ดอลลาร์ ปิดที่ 79.87 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา และซื้อขายใกล้ระดับ 80 ดอลลาร์/บาร์เรลมาตลอดทั้งสัปดาห์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 7.31 เซนต์ ปิดที่ 1.9811 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 7.6 เซนต์ ปิดที่ 1.9432 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 2.84 ดอลลาร์ ปิดที่ 75.20 ดอลลาร์/บาร์เรล
ในระยะหลังราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นหลังมีสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังฟื้นตัว โดยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัว 3.5% ในไตรมาส 3 ซึ่งถือว่าดีสุดในรอบ 2 ปี อย่างไรก็ตาม การที่สหรัฐเผยตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือนกันยายนที่ร่วงลงมากสุดในรอบ 9 เดือน ทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่าและราคาน้ำมันร่วงลง
ในขณะเดียวกันนักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งก็ยังแสดงความวิตกเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อย่างบริษัท เจบีซี เอเนอร์จี ในเวียนนา กล่าวว่า "น้ำมันดูเหมือนจะยังมีราคาแพงเกินไป และการที่จีดีพีดีดตัวขึ้นจากการหดตัว 4 ไตรมาสรวดก็ไม่ได้หมายความว่าเศรษฐกิจสหรัฐและทั่วโลกฟื้นตัวอย่างเต็มที่แล้ว"