ออสการ์ กอนซาเลซ โรชา ซีอีโอบริษัท เซาเธิร์น คอปเปอร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตทองแดงรายใหญ่ของสหรัฐและเป็นเจ้าของเหมืองแร่ทองแดงรายใหญ่สุดในเปรูและเม็กซิโก คาดการณ์ว่า ราคาโลหะทองแดงในตลาดโลกจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 4 ดอลลาร์/ปอนด์ในปีหน้า เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปเริ่มฟื้นตัวขึ้น และจากภาวะซัพพลายขาดแคลนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นระลอกใหม่
กอนซาเลซกล่าวให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวที่เมืองลิมาว่า ในปีหน้านี้เศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปจะฟื้นตัวขึ้นจากภาวะถดถอย ซึ่งจะทำให้ปริมาณการใช้โลหะทองแดงเพิ่มขึ้นด้วย โดยคาดว่าราคาทองแดงในตลาดโลกซึ่งปิดที่ระดับ 2.977 ดอลลาร์/ปอนด์เมื่อคืนนี้ จะพุ่งขึ้นแตะระดับ 4 ดอลลาร์/ปอนด์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ค.2551 หลังจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกได้ฉุดราคาทองแดงดิ่งลงไปแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปีเมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ กอนซาเลซคาดว่าโครงการก่อสร้างที่ขยายตัวขึ้นในประเทศจีนซึ่งเป็นผู้ซื้อทองแดงรายใหญ่สุดของโลก จะช่วยหนุนราคาทองแดงทะยานขึ้น โดยจีนรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ซึ่งเป็นดัชนีวัดความแข็งแกร่งในภาคอุตสาหกรรม พุ่งขึ้นแตะระดับ 55.2 จุดในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 18 เดือน จากเดือนก.ย.ที่ระดับ 54.3 จุด สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
บลูมเบิร์กรายงานว่า เปรูเป็นแหล่งผลิตทองแดงรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก รองจากชิลีและสหรัฐ โดยบริษัท เซาเธิร์น คอปเปอร์ เป็นเจ้าของแหล่งสำรองแร่ทองแดงรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก ซึ่งกำลังทุ่มเงินลงทุนอีกหลายพันล้านดอลลาร์ในเหมืองแห่งใหม่ รวมถึงเหมืองเทีย มาเรีย ในเปรู และเหมืองเอล อาร์โค ในเม็กซิโก
นอกจากนี้ เซาเธิร์น คอปเปอร์ ยังผลิตแร่โมลิบดินัมในปริมาณ 25,000 เมตริกตัน โดยทั้งเซาเธิร์น คอปเปอร์, ริโอ ทินโต และฟรีพอร์ท-แมคมอร์แกน คอปเปอร์ แอนด์ โกลด์ เป็น 3 บริษัทเหมืองแร่รายใหญ่สุดที่ผลิตแร่โมลิบดินัม ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมเหล็กกล้า