สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 2 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (6 พ.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยอัตราว่างงานที่พุ่งขึ้นเหนือระดับ 10% ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าวิกฤตการณ์ตลาดแรงงานในสหรัฐอาจส่งผลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและอาจฉุดดีมานด์พลังงานหดตัวลงด้วย
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 2.19 ดอลลาร์ ปิดที่ 77.43 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 80.34-76.71 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนธ.ค.ลดลง 5.41 เซนต์ ปิดที่ 2.0035 ดอลลาร์ต่อแกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 6.34 เซนต์ ปิดที่ 1.9243 ดอลลาร์ต่อแกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 2.12 ดอลลาร์ ปิดที่ 75.87 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ฟิล ไฟนน์ นักวิเคราะห์จาก PFGBest กล่าวกับเอพีว่า นักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันดิบหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payroll) ประจำเดือนต.ค.ร่วงลง 190,000 ตำแหน่ง ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลล์บลูมเบิร์กคาดว่าจะลดลง 175,000 ตำแหน่ง แต่ยังน้อยกว่าตัวเลขจ้างงานเดือนก.ย.ที่ร่วงลง 219,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราว่างงานเดือนต.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับ 10.2% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีครึ่ง สะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานในสหรัฐยังอยู่ในภาวะที่ตึงตัวมาก
"นักลงทุนมองว่าอัตราว่างงานในสหรัฐที่พุ่งขึ้นทะลุระดับ 10% สะท้อนให้เห็นว่าวิกฤตเศรษฐกิจในสหรัฐยังไม่สิ้นสุด จึงทำให้เกิดแรงเทขายอย่างหนักในตลาดน้ำมัน อันเนื่องมาจากความกังวลว่าวิกฤตเศรษฐกิจเช่นนี้อาจส่งผลให้ดีมานด์พลังงานหดตัวลงด้วย นอกจากนี้ นักลงทุนยังเทขายสัญญาน้ำมันแม้มีรายงานพยากรณ์อากาศว่าว่าพายุโซนร้อนจะเคลื่อนตัวผ่านอ่าวเม็กซิโก ซึ่งเป็นฐานการผลิตพลังงานที่สำคัญของสหรัฐในช่วงสุดสัปดาห์นี้ก็ตาม" ไฟนน์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ฟรานซิสโก บลองช์ หัวหน้านักวิเคราะห์ด้านสินค้าโภคภัณฑ์จากแบงค์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ คาดว่าราคาน้ำมันดิบจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 100 ดอลลาร์ภายในปี 2554 เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนตัวลงอีก
ขณะที่ริชาร์ด ซี กัง ซีอีโอบริษัท Emerging Global Advisors LLC ซึ่งเป็นบริษัทจัดการกองทุนรายใหญ่ในนิวยอร์ก คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบจะพุ่งขึ้นเหนือระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลในอีก 6 เดือนข้างหน้านี้ เนื่องจากการซื้อเก็งกำไร
สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 30 ต.ค.ร่วงลง 4.0 ล้านบาร์เรล แตะที่ 335.9 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 400,000 บาร์เรล แตะที่ 167.4 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะร่วงลง 1.0 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 300,000 บาร์เรล แตะที่ 208.3 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 300,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันร่วงลง 1.2% แตะ 80.6%