สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่สิงคโปร์ ร่วงลง 36 เซนต์ แตะที่ 78.54 ดอลลาร์/บาร์เรล เมื่อเวลา 11.09 น.ตามเวลาสิงคโปร์ในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาน้ำมันดิบทะยานขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบ 6 เดือน ซึ่งเป็นผลมาจากการคาดการณ์ที่ว่าดีมานด์พลังงานจะเพิ่มขึ้นหลังจากเศรษฐกิจสหรัฐส่งสัญญาณการฟื้นตัว
เทตสึ เอโมริ หัวหน้านักวิเคราะห์ด้านสินค้าโภคภัณฑ์จากบริษัท Astmax Ltd กล่าวว่า สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงหลังจากพุ่งขึ้น 3.3% ที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้เพราะได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง และข้อมูลเศรษฐกิจอันแข็งแกร่งที่บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก รวมถึงยอดค้าปลีกของสหรัฐและตัวเลขจีดีพีญี่ปุ่น นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นทั่วโลกยังเป็นอีกปัจจัยที่หนุนสัญญาน้ำมันดิบทะยานขึ้นด้วย
ยอดค้าปลีกประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐพุ่งขึ้น 1.4% มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า จะเพิ่มขึ้นเพียง 0.9% ส่วนยอดค้าปลีกที่ไม่นับรวมยอดขายรถยนต์ ขยับขึ้น 0.2%
นักลงทุนจับตาดูการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 22 ธ.ค.นี้ที่ประเทศแองโกลา หลังจากนายอับดุลเลาะห์ บิล อาหมัด อัล อัตติยะห์ รมว.พลังงานของกาตาร์ออกมาส่งสัญญาณว่า โอเปคอาจจะไม่ปรับเพิ่มโควต้าการผลิตในการประชุมครั้งนี้
กลุ่มโอเปคซึ่งเป็นผู้จัดหาน้ำมันดิบประมาณ 35% ของปริมาณน้ำมันดิบทั่วโลก ประกาศทบทวนดีมานด์น้ำมันดิบทั่วโลกในปี 2553 เป็น 85.07 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งสูงกว่าระดับการประเมินเมื่อเดือนที่แล้วอยู่ 75,000 บาร์เรล อย่างไรก็ตาม โอเปคเตือนว่าความต้องการน้ำมันดิบในประเทศอุตสาหกรรมอาจลดลง 1% ในปีหน้าถ้าราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นสูงกว่าระดับในปัจจุบัน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) ในสังกัดกระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันพุธ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 100,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 800,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 200,000 บาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะดีดตัวขึ้น 0.1% เป็น 80%