สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่สิงคโปร์ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 3 หลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลง จากผลกระทบของพายุเฮอริเคนในอ่าวเม็กซิโก
บลูมเบิร์กรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบเดือนธ.ค.ขยายตัวสูงสุด 0.9% ไปแตะที่ 79.85 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากที่สถาบันปิโตรเลียมแห่งอเมริกันรายงานว่า ปริมาณน้ำมันดิบสำรองในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลง 4.37 ล้านบาร์เรลเหลือ 333.1 ล้านบาร์เรล
ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น 79% ในปีนี้ ท่ามกลางสัญญาณบ่งชี้ที่ว่า เศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัวจากภาวะถดถอยครั้งใหญ่สุดนับตั้งแต่ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งภาวะดังกล่าวได้กระตุ้นความต้องการเชื่อเพลิง ขณะที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ปรับลดกำลังการผลิต ทั้งนี้ ความต้องการวัตถุดิบที่เพิ่มมากขึ้นซึ่งนำโดยจีนนั้นทำให้จีนมีสินค้าโภคภัณฑ์มากที่สุดในปีนี้ในกลุ่มตลาดเอเชีย และหนุนให้ดัชนี MSCI Asia Pacific Index ในตลาดหุ้นเอเชียทะยานขึ้น 33%
"การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า เราผ่านพ้นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดมาแล้ว" สตีเฟ่น ฮอลมาริก นักวิเคราะห์จาก Colonial First State ในซิดนีย์ กล่าว "การที่เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวขึ้นและเริ่มดำเนินไปอย่างสมดุลจะช่วยกระตุ้นความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ แต่ถึงกระนั้นกระบวนการฟื้นตัวจะยังเต็มไปด้วยอุปสรรคและเป็นไปอย่างเชื่องช้า"
ทั้งนี้ บริษัทพลังงานในสหรัฐต่างสูญเสียกำลังการผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกราว 43% เมื่อวันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา หลังพายุเฮอริเคน "ไอด้า" เข้าพัดถล่มพื้นที่ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม นักลงทุนกำลังจับตาการรายงานของกระทรวงพลังงานสหรัฐที่จะเปิดเผยข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบในวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น (หรือคืนนี้ตามเวลาในประเทศไทย) ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 300,000 บาร์เรล