โรงกษาปณ์ของอังกฤษ ซึ่งก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ได้ผลิตเหรียญทองคำเพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่าในไตรมาส 3 หลังจากที่อุปสงค์ทองคำเพิ่มขึ้น เนื่องจากเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าผลักดันให้นักลงทุนหันมาเก็งกำไรทอง
บลูมเบิร์ก นิวส์ รายงานว่า ผลผลิตเหรียญทองของโรงกษาปณ์อังกฤษปรับตัวขึ้นแตะ 32,735.8 ออนซ์ จากระดับ 7,500.2 ในปีที่แล้ว ขณะที่การผลิตในช่วง 9 เดือนแรกเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่า แตะระดับ 100,391.3 ออนซ์
ทั้งนี้ ราคาทองคำกำลังจะปรับตัวขึ้นเป็นปีที่ 9 ซึ่งได้รับปัจจัยหนุนมาจากการที่ประเทศต่างๆได้ลดอัตราดอกเบี้ยลงใกล้ระดับ 0% และได้ทุ่มงบประมาณ 2 ล้านล้านดอลลาร์ในการดึงเศรษฐกิจโลกให้หลุดพ้นจากภาวะถดถอยครั้งเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 โดยราคาทองคำพุ่งทำสถิติในการซื้อขายที่ลอนดอนเมื่อวานนี้ และปรับตัวขึ้นแล้วประมาณ 30% ในปีนี้ ขณะที่ดอลลาร์ร่วงลง 7.8% เมื่อเทียบกับตะกร้า 6 สกุลเงินหลัก
เดวิด รัสเซล ผู้อำนวยการจากบริษัท โกลด์คอร์ จำกัด ซึ่งเป็นโบรกเกอร์และดีลเลอร์ทองแท่งในกรุงดับลิน กล่าวกับบลูมเบิร์กว่า โดยรวมแล้ว นักลงทุนยังขาดความเชื่อมั่นในระบบการเงิน และยังคงมองเห็นประโยชน์ของการกระจายการลงทุนมาที่ทองคำ
ขณะเดียวกัน ยอดขายเหรียญทองคำอเมริกันอีเกิลโดยโรงกษาปณ์ของสหรัฐก็เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ แตะระดับ 954,000 ออนซ์ ด้านห้างสรรพสินค้าแฮร์รอดส์ในกรุงลอนดอนก็เริ่มจำหน่ายทองแท่งและเหรีญทองเป็นครั้งแรกในเดือนต.ค.ที่ผ่านมา
เมื่อเดือนที่แล้ว เคิร์ท เมเยอร์ ประธานบริษัท Muenze Oesterreich AG หรือโรงกษาปณ์ออสเตรีย ซึ่งเป็นผู้ค้าเหรียญทองคำบริสุทธิ์รายใหญ่สุดของโลก เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นปีจนถึงตอนนี้ บริษัทได้จำหน่ายทองแล้วในปริมาณ 1.9 ล้านออนซ์ ซึ่งมากกว่ายอดขายรวมตลอดทั้งปีที่แล้วอยู่ถึง 23%
รัสเซลกล่าวว่า ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่จับต้องได้ และมูลค่าของมันก็สามารถทำกำไรหรือเปลี่ยนเป็นเงินสดได้อย่างสะดวกรวดเร็ว นักลงทุนหลายรายจึงเริ่มตระหนักว่าพวกเรากระจายการลงทุนได้ไม่ดีนักในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา