ฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่สุดของโลก อาจจำเป็นต้องนำเข้าข้าวมากถึง 3 ล้านตันในปีหน้า ถ้าสภาพอากาศที่แปรปรวนส่งผลต่อการผลิตข้าวในประเทศ
เร็กซ์ เอสโตเปเรซ จากสำนักงานอาหารแห่งชาติของฟิลิปปินส์ กล่าวในวันนี้ว่า สภาพอากาศที่แปรปรวนทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับรัฐบาลที่จะประเมินอุปทานข้าวที่มีอยู่ในปัจจุบัน การนำเข้าข้าวถึง 3 ล้านตันเป็นการตั้งสมมติฐานในกรณีที่เลวร้ายที่สุด
"เราไม่ทราบว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเราในปีหน้า หรือเราจะประสบปัญหาในฤดูเพาะปลูกหรือไม่" เจ้าหน้าที่จากสำนักงานอาหารฯกล่าว
ทั้งนี้ ไต้ฝุ่นกิสนาและป้าหม่าซึ่งพัดเข้าถล่มฟิลิปปินส์ในเดือนที่แล้ว ได้สร้างความเสียหายต่อข้าวเปลือก 1.3 ล้านตัน ขณะที่เอสโตเปเรซประเมินว่า ผลผลิตข้าวขาวในปีนี้จะอยู่ที่ 10.6 ล้านตัน ซึ่งไม่เพียงพอต่ออุปสงค์ในปีหน้าที่คาดว่าจะสูงกว่า 13 ล้านตัน
สำนักงานอาหารแห่งชาติได้รับอนุญาตให้นำเข้าข้าวได้ไม่เกิน 2.4 ล้านตันเพื่อตอบสนองความต้องการในประเทศในปี 2553 อย่างไรก็ดี เอสโตเปเรซกล่าวว่า ตัวเลขดังกล่างเป็นเพียงเป้าหมายคร่าวๆที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
ด้านกระทรวงเกษตรของสหรัฐประเมินว่า การค้าข้าวทั่วโลกจะมีปริมาณอยู่ที่ 29.5 ล้านตันในปี 2553 ซึ่งหากฟิลิปปินส์นำเข้าข้าวมากถึง 3 ล้านตันจริง ก็เท่ากับว่า ปริมาณข้าวที่นำเข้าโดยฟิลิปปินส์จะคิดเป็น 10% ของการค้าข้าวทั่วโลกในปีหน้า
นอกจากนี้ การนำเข้าเพิ่มมากขึ้นก็ยิ่งเป็นปัจจัยผลักดันให้ราคาข้าวปรับตัวสูงขึ้น โดยขณะนี้ราคาข้าวได้ถีบตัวสูงขึ้นแล้ว 37% จากระดับต่ำเมื่อเดือนมีนาคม เนื่องจากภาวะแห้งแล้งในอินเดียทำให้ผลผลิตข้าวลดลง และทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า อินเดียจะกลายเป็นผู้นำเข้าข้าวสุทธิเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 20 ปี
บลูมเบิร์กรายงานว่า ราคาสัญญาข้าวปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้ หลังจากที่มีรายงานข่าวว่าฟิลิปปินส์อาจนำเข้าข้าว 3 ล้านตันในปี 2553