สถาบันวิจัยข้าวนานาชาติ (IRRI) ได้เปิดตัวโครงการระดมทุนครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ในประเทศสิงคโปร์วันนี้ เพื่อหวังดึงดูดเงินบริจาคจากบรรดามหาเศรษฐีในเอเชียให้ได้ 300 ล้านดอลลาร์ ภายในปีพ.ศ.2555
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า สถาบันวิจัยข้าวนานาชาติมีสำนักงานใหญ่อยู่ในฟิลิปปินส์ และเพิ่งเปิดสำนักงานในสิงคโปร์ไปเมื่อไม่นานมานี้ นอกจากนี้ สถาบันฯยังมีแผนที่จะเปิดตัวโครงการระดมทุนทำนองเดียวกันนี้ในฮ่องกงด้วย
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่เงินบริจาคจากชาติตะวันตกลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกันทางสถาบันเล็งเห็นว่า เศรษฐกิจเอเชียที่ขยายตัวคึกคักแซงหน้าฝั่งตะวันตก ได้ทำให้เกิดเศรษฐีจำนวนมากในภูมิภาค ซึ่งบุคคลร่ำรวยเหล่านี้ก็น่าจะสามารถบริจาคเงินให้กับสถาบันฯได้
โรเบิร์ต ซีกเลอร์ อธิบดีของสถาบัน IRRI กล่าวในงานแถลงข่าวว่า ในอดีต IRRI ได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากรัฐบาลชาติตะวันตก แต่กระแสนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปในช่วงปลายทศวรรษที่ 90 เนื่องจากหลายประเทศหันไปให้ความสำคัญในเรื่องสิ่งแวดล้อมและประเด็นทางด้านสังคมมากขึ้น แทนการให้ความสำคัญในเรื่องความมั่นคงด้านอาหาร และยังได้แสดงความสนใจที่จะช่วยเหลือแอฟริกามากขึ้น แทนเอเชีย
ซีกเลอร์กล่าวต่อไปว่า ทางสถาบันต้องการเงินเพื่อนำมาใช้ลงทุนใหม่ๆในการส่งเสริมกิจกรรมการวิจัย ท่ามกลางแรงกดดันในการเพิ่มผลผลิตข้าวในเอเชีย ซึ่งกำลังได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย อาทิ จำนวนประชากรที่เพิ่มมากขึ้น และสภาพอากาศที่แปรปรวน เช่น ความแห้งแล้ง น้ำท่วม ดินเค็ม และอุณหภูมิที่สูงขึ้นจากภาวะโลกร้อน
เมื่อปีที่แล้ว ราคาข้าวทะยานขึ้น 75% หรือมากกว่านั้นภายในระยะเวลาเพียงสองเดือน เช่นเดียวกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆที่พุ่งขึ้นเช่นกัน อาทิ ข้าวสาลี จนส่งผลให้เกิดเหตุการณ์จลาจลในบางประเทศยากจน
"เราต้องการเอื้อมมือออกไปให้ถึงชาวเอเชียทุกคน และขอการสนับสนุนจากพวกเขา เนื่องจากการวิจัยข่าวมีผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของผู้บริโภคข้าวทุกคน และที่สำคัญ ข้าวคือชีวิตสำหรับชาวเอเชีย" อธิบดี IRRI กล่าว