สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (1 ธ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น และข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของจีนและสหรัฐช่วยให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าดีมานด์พลังงานของทั้งสองประเทศยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 1.09 ดอลลาร์ ปิดที่ 78.37 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 78.88-78.50 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 3.01 เซนต์ ปิดที่ 2.0780 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 3.08 เซนต์ ปิดที่ 2.0423 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 88 เซนต์ ปิดที่ 79.35 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลาดน้ำมันนิวยอร์กได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับยูโร หลังจากสหภาพยุโรปเปิดเผยว่าอัตราว่างงานในเดือนต.ค.ทรงตัวอยู่ที่ 9.8% น้อยกว่าอัตราว่างงานในสหรัฐซึ่งอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีที่ 10.2%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบอย่างคึกคักหลังจากสมาพันธ์ธุรกิจลอจิสติกส์และการจัดซื้อของจีนรายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ซึ่งเป็นดัชนีวัดความแข็งแกร่งในภาคการผลิต อยู่ที่ระดับ 55.2 จุดในเดือนพ.ย. ซึ่งทรงตัวจากเดือนต.ค. โดยดัชนีที่ระดับดังกล่าวยังคงบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนขยายตัวรวดเร็วที่สุดในรอบ 18 เดือน หลังจากจีนประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ขณะที่สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศลดลงแตะ 53.6 จุดในเดือนพ.ย.จากเดือนต.ค.ที่ 55.7 จุด แต่โดยดัชนีที่อยู่เหนือระดับ 50 ยังคงบ่งชี้ถึงการขยายตัวในภาคการผลิต
นักลงทุนติดตามสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอิหร่านและอังกฤษ หลังจากนาวิกโยธินอิหร่านได้จับตัวชาวอังกฤษ 5 คนเป็นตัวประกัน ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่าอาจนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างอังกฤษและอิหร่านซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก
มาสเตอร์การ์ด สเปนดิ้งพัลส์ รายงานว่า ดีมานด์น้ำมันเบนซินค้าปลีกในสหรัฐช่วงสัปดาห์ที่แล้วดีดตัวขึ้น 3.1% โดยมาสเตอร์การ์ดรวบรวมข้อมูลดังกล่าวจากผู้บริโภคที่ซื้อน้ำมันเบนซินผ่านบัตรเครดิตและเงินสด
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ซึ่งทางการสหรัฐจะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบอาจทรงตัวที่ระดับ 337.8 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นอาจลดลง 400,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินอาจเพิ่มขึ้น 900,000 บาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจเพิ่มขึ้น 0.5%