สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (18 ธ.ค.) หลังกองกำลังอิหร่านได้ลุกล้ำเข้ายังพรมแดนของอิรักและเข้ายึดบ่อน้ำมันในประเทศดังกล่าว
สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 34 เซนต์ ปิดที่ 74.42 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในกรอบ 73.55 - 75.65 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนม.ค.ลดลงเล็กน้อยสู่ระดับ 1.9567 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินขยับขึ้น 4.28 เซนต์ ปิดที่ 1.8948 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.พ.เดินหน้าขึ้น 38 เซนต์ ปิดที่ 73.75 ดอลลาร์/บาร์เรล
ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศของอิรักกล่าวว่า กองกำลังทหารของอิหร่านบุกเข้าล้อมบ่อน้ำมัน al-Fakkah ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของอิรัก ที่ตั้งอยู่ห่างจากกรุงแบกแดดไปทางตะวันออกเฉียงใต้เป็นระยะทาง 320 กิโลเมตร
ขณะเดียวกัน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทน้ำมันรายใหญ่ในกรุงแบกแดดได้ยื่นข้อเสนอเปิดรับการลงทุนด้านธุรกิจน้ำมันจากบริษัทต่างชาติเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี ซึ่งมีบ่อน้ำมัน 7 แห่งที่สามารถบรรลุข้อตกลง โดยส่วนใหญ่เป็นบ่อน้ำมันที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดจากสถานการณ์ความรุนแรง
ทั้งนี้ ท่ามกลางภาวะที่อุปทานน้ำมันดิบในขณะนี้ยังคงอยู่ในระดับสูงอันสืบเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ แต่ความเคลื่อนไหวของกองกำลังอิหร่านได้ส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำมัน โดยเมื่อวันพุธที่ผ่านมา กระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 11 ธ.ค.ร่วงลง 3.7 ล้านบาร์เรล แตะที่ 332.4 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 2.9 ล้านบาร์เรล แตะที่ 164.4 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะขยับลงเพียง 600,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 900,000 บาร์เรล แตะที่ 217.2 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่คาดว่าจะพุ่งขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันดิ่งลง 1.1% แตะที่ 80.0%
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจะจับตาการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ในวันอังคารหน้าอย่างใกล้ชิด ซึ่งผู้นำชาติสมาชิก 12 ประเทศส่งสัญญาณว่าจะตรึงกำลังการผลิตน้ำมันไว้ที่ระดับเดิม โดยนายอาลี อัล ไนยมี รมว.พลังงานซาอุดิอาระเบียกล่าวแสดงความคิดเห็นว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปัจจุบันอยู่ในระดับที่น่าพอใจ พร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นว่าตลาดน้ำมันโลกยังอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ