สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (28 ธ.ค.) โดยสัญญาน้ำมันดิบทะยานขึ้นเหนือระดับ 79 ดอลลาร์/บาร์เรลในระหว่างวัน หลังจากมีการพยากรณ์ว่าจะสหรัฐจะเผชิญกับสภาพอากาศที่หนาวเหน็บในสัปดาห์หน้า นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้วของสหรัฐจะลดลง
สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 72 เซนต์ หรือ 0.92 % ปิดที่ 78.77 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 79.00 - 79.00 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 3.79 เซนต์ ปิดที่ 2.0735 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 2.88 เซนต์ ปิดที่ 2.0184 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 1.01 ดอลลาร์ ปิดที่ 77.32 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ตลาดน้ำมัน NYMEX ได้แรงหนุนจากรายงานสภาพอากาศที่หนาวเย็น รวมทั้งสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลงของสหรัฐ และการคาดการณ์ที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะร่วงลง โดยบริษัท ดีทีเอ็น เมเทโอร์โลจิกซ์คาดการณ์ว่า พื้นที่ส่วนใหญ่ของสหรัฐจะเผชิญกับสภาพอากาศหนาวเหน็บในสัปดาห์หน้าเพราะอิทธิพลของมวลอากาศหนาวเย็นจากขั้วโลกเหนือ
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ซึ่งกระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 25 ธ.ค.จะลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 1.0 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 0.2%
ผลสำรวจซึ่งจัดทำโดยเอมิเรตส์ บิสิเนส ระบุว่า เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศอ่าวอาหรับ (GCC) จะขยายตัวอย่างรวดเร็วในปีหน้า เนื่องจากราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น โดยจากการสำรวจความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ 25 บริษัทในยูเออีพบว่า เจ้าหน้าที่มีมุมมองที่เป็นบวกเกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และเชื่อว่าการที่เศรษฐกิจในกลุ่ม GCC จะชะลอตัวลงได้นั้นมีเพียงเหตุผลเดียวคือราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังขานรับรายงานจากสเปนดิงพัลซ์ ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านธุรกิจค้าปลีกในเครือมาสเตอร์การ์ด แอดไวเซอร์ส ที่ระบุว่า บริษัทค้าปลีกในสหรัฐทำยอดขายพุ่งขึ้น 3.6% ในช่วงวันหยุดระหว่างวันที่ 1 พ.ย. - 24 ธ.ค. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยหนุนราคาหุ้นกลุ่มค้าปลีกรายใหญ่พุ่งขึ้น รวมถึงหุ้นเมซีส์ อิงค์พุ่ง ขึ้น 1.1%