สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นในการซื้อขายวันสุดท้ายของปี 2552 เมื่อคืนนี้ (31 ธ.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบที่ร่วงลงในรอบสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายค่อนข้างซบเซาเนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายในช่วงสิ้นปี และจากความวิตกกังวลที่ว่ารัฐบาลสหรัฐอาจถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปีหน้า
สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ขยับขึ้น 8 เซนต์ ปิดที่ 79.36 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 10 เซนต์ ปิดที่ 77.93 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน (EIA) รายงานว่า สำรองน้ำมันดิบร่วงลง 1.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 25 ธันวาคม ขณะที่การปิโตรเลียมสหรัฐ (API) รายงานว่า สำรองน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเคลื่อนไหวในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ นับตั้งแต่กลุ่มโอเปคมีมติเป็นเอกฉันท์ไม่เปลี่ยนแปลงเพดานการผลิตน้ำมัน เนื่องจากโอเปคพอใจราคาน้ำมันดิบในปัจจุบันเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับประมาณ 75 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนการประชุมโอเปคครั้งต่อไปจะมีขึ้นในวันที่ 17 มี.ค.2553
นายโฮเซ่ มาเรีย โบเทลโฮ เดอ วาสคอนเซลอส ประธานโอเปคกล่าวว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกอยู่ในอัตราที่เร็วขึ้น ซึ่งเป็นผลพวงของการเติบโตในตลาดเอเชีย อย่างไรก็ตาม นายโฮเซ่เตือนว่าภาคการเงินทั่วโลกยังอยู่ในภาวะที่ไม่แน่นอน ขณะที่ตลาดแรงงานยังคงตึงตัว นอกจากนี้ โอเปคยังกังวลว่ารัฐบาลในหลายประเทศอาจถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเร็วเกินไป
นักวิเคราะห์กล่าวว่า สัญญาน้ำมันดิบเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่วิตกกังวลว่ารัฐบาลสหรัฐจะถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปีหน้า แม้นายโจเซฟ สติกลิทซ์ ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบียกล่าวว่า สหรัฐจำเป็นต้องเตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับที่ 2 เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐยังเปราะบางและจำเป็นต้องได้รับมาตรการสนับสนุนจากรัฐบาล