สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่สิงคโปร์ พุ่งขึ้น 30 เซนต์ แตะที่ 81.81 ดอลลาร์/บาร์เรล ในช่วงสายวันนี้ ซึ่งเกือบแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือน จากระดับปิดที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (4 ม.ค.) ที่ 81.51 ดอลลาร์/บาร์เรล เพราะได้แรงหนุนจากสภาพอากาศที่หนาวเหน็บในสหรัฐซึ่งเป็นประเทศที่มีผู้ใช้พลังงานมากที่สุดในโลก นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้ปัจจัยบวกจากข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐและจีน
นักวิเคราะห์จากซีดับเบิ้ลยู โกลบอล มาร์เก็ตส์ กล่าวว่า สัญญาน้ำมันดิบทะยานขึ้นติดต่อกัน 8 วันทำการ หลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) รายงานว่าดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับ 55.9 จุดในเดือนธ.ค. จากเดือนพ.ย.ที่ระดับ 53.6 จุด มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า จะอยู่ที่ 54.3 จุด โดยดัชนีที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 บ่งชี้ถึงการขยายตัวในภาคการผลิต
ขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของภาคการผลิตในประเทศจีน พุ่งขึ้นแตะระดับ 56.6 จุดในเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.4% จากเดือนพ.ย. ทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 10 ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบทะยานขึ้นหลังจากมีรายงานสภาพอากาศหนาวเย็นในสหรัฐ ซึ่งอาจทำให้สต็อกน้ำมันกลั่นของสหรัฐปรับตัวลดลง ขณะเดียวกันมีรายงานว่าพายุหิมะกระหน่ำกรุงปักกิ่งและกรุงโซลรุนแรงสุดในรอบกว่า 50 ปี
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ซึ่งกระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบอาจทรงตัว สต็อกน้ำมันกลั่นอาจลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินอาจเพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจเพิ่มขึ้น 0.4%