สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงต่ำกว่าระดับ 83 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ (7 ม.ค.) เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับดีมานด์พลังงานที่ซบเซาลง หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบที่ร่วงลงเกินคาดในรอบสัปดาห์ที่แล้ว
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange ) ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 52 เซนต์ หรือ 0.63% ปิดที่ 82.66 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 82.26-83.36 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 1.96 เซนต์ หรือ 0.89% ปิดที่ 2.1836 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 0.17 เซนต์ หรือ 0.08% ปิดที่ 2.1349 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 38 เซนต์ หรือ 0.46% ปิดที่ 81.51 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 81.05-82.05 ดอลลาร์
นักวิเคราะห์จากบริษัท ริทเทอร์บุช แอนด์ แอสโซซิเอทส์ ในมลรัฐอิลลินอยส์ของสหรัฐ กล่าวว่า สัญญาน้ำมันดิบดิ่งลงต่ำกว่าระดับ 83 ดอลลาร์/บาร์เรล เพราะถูกกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 1 ม.ค.เพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล แตะที่ 327.3 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลง 500,000 บาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 300,000 บาร์เรล แตะที่ 159 ล้านบาร์เรล ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะร่วงลง 1.9 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น 3.7 ล้านบาร์เรล แตะที่ 219.7 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 500,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันลดลง 0.4% แตะที่ 79.9% มากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.3%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลการจ้างงานเดือนธ.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าอัตราว่างงานเดือนธ.ค.ปี 2552 ของสหรัฐจะดีดตัวขึ้นแตะระดับ 10.1% จากเดือนพ.ย.ที่ 10% อย่างไรก็ตาม คาดว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนธ.ค.อาจลดลงเพียง 1,000 ราย ซึ่งจะเป็นสถิติที่ลดลงน้อยที่สุดนับตั้งแต่สหรัฐเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยเมื่อ 2 ปีที่แล้ว