สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (8 ม.ค.) หลังเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงอย่างหนัก แม้ว่ากระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่ร่วงหนักเกินคาดก็ตาม
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange ) ส่งมอบเดือนก.พ.บวก 9 เซนต์ ปิดที่ 82.75 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนก.พ.บวก 1.67 เซนต์ ปิดที่ 2.2003 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนก.พ.ปรับตัวสูงขึ้น 2 เซนต์ ปิดที่ 2.1553 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 13 เซนต์ ปิดที่ 81.37 ดอลลาร์/บาร์เรล
เมื่อวานนี้กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่ร่วงลงถึง 85,000 อัตราในเดือนธันวาคม จากที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะทรงตัวหรือลดลงเพียงเล็กน้อย และในวันเดียวกัน ยูพีเอส บริษัทขนส่งสินค้ารายใหญ่สุดของโลก ก็ประกาศว่าจะปลดพนักงานฝ่ายบริหารและแอดมินจำนวน 1,800 อัตรา
ถึงกระนั้นราคาน้ำมันก็ยังปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากหลายสัปดาห์ที่ผ่านมามีสัญญาณบ่งชี้ว่ากิจกรรมด้านการผลิตกำลังฟื้นตัวทั้งในสหรัฐและจีน และปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นคือ เงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงอย่างหนัก
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากตั้งคำถามว่าราคาน้ำมันจะทรงตัวอยู่ในระดับดังกล่าวได้อีกนานแค่ไหน เนื่องจากสภาพตลาดแรงงานที่ย่ำแย่จะทำให้ดีมานด์น้ำมันลดลง ดูได้จากตัวเลขสต็อกน้ำมันฮีทติ้งออยล์ของสัปดาห์นี้ที่แทบไม่มีการเคลื่อนไหวทั้งที่หลายพื้นที่ในประเทศกำลังเผชิญกับสภาพอากาศที่หนาวจัด
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมันกล่าวว่าตลอดปี 2552 ที่ผ่านมาราคาน้ำมันเคลื่อนไหวตามเงินดอลลาร์มากกว่าดีมานด์ที่แท้จริง และการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันเมื่อคืนนี้ก็เป็นไปในทิศทางดังกล่าวเช่นกัน