สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวอยร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (11 ม.ค.) หลังจากหน่วยงานของสหรัฐคาดการณ์ว่า อุณหภูมิภายในประเทศจะอบอุ่นขึ้นหลังจากเผชิญกับสภาพอากาศที่หนาวจัดในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปิดลบในกรอบแคบๆ เนื่องจากนักลงทุนขานรับรายงานยอดนำเข้าน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นของจีน
สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 23 เซนต์ หรือ 0.28% ปิดที่ ที่ 82.52 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 82.05-83.95 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 2.02 เซนต์ ปิดที่ 2.1801 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 1.26 เซนต์ ปิดที่ 2.1427 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 40 เซนต์ หรือ 0.49% ปิดที่ 80.97 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักวิเคราะห์จากเคบีซี มาร์เก็ต เซอร์วิสเซส กล่าวว่า สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงหลังจากบริษัทดีทีเอ็น เมเทโอร์โลจิกซ์คาดว่าอุณหภูมิในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐจะอยู่ในระดับเฉลี่ยต่ำกว่าปกติจนถึงวันพุธ แต่หลังจากนั้นอุณหภูมิจะอยู่ในระดับใกล้ปกติหรือสูงกว่าปกติจนถึงวันศุกร์ ส่วนอุณหภูมิในช่วง 6-10 วันข้างหน้าจะอยู่ในระดับใกล้ปกติหรือสูงกว่าปกติ
นักลงทุนเทขายทำกำไรเพราะกังวลว่าอุณหภูมิที่อบอุ่นขึ้นในสหรัฐอาจทำให้ดีมานด์พลังงานลดน้อยลง นอกจากนี้ สำนักงานสภาพอากาศแห่งชาติของสหรัฐ (เอ็นดับเบิ้ลยูเอส) คาดการณ์ว่า ดีมานด์น้ำมันฮีทติ้งออยล์ในสหรัฐอาจอยู่ในระดับปกติในสัปดาห์นี้ หลังจากพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงกว่าปกติ 12% ในสัปดาห์ที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมัน NYMEX ได้แรงหนุนหลังจากจีนรายงานว่า ยอดส่งออกเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 17.7% ทำสถิติเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 14 เดือน และยอดนำเข้าพุ่งขึ้น 55.9% โดยยอดส่งออกและนำเข้าที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งของจีนจะเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวขึ้น
นอกจากนี้ จีนระบุว่ายอดนำเข้าน้ำมันดิบของจีนในเดือนธ.ค.2552 พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 21.26 ล้านตัน ส่งผลให้ยอดนำเข้าน้ำมันดิบรายปีอยู่ที่ 203.8 ล้านตัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 13.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี และในปี 2552 จีนส่งออกผลิตภัณฑ์น้ำมัน 25.07 ล้านตัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 46.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 8 ม.ค. ซึ่งทางการสหรัฐจะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 900,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจเพิ่มขึ้น 0.4%