สัญญาน้ำมันดิบปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (15 ม.ค.) หลังจากมีรายงานว่าสภาพอากาศในสหรัฐจะอบอุ่นขึ้น ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าดีมานด์พลังงานจะหดตัวลงด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น และหลังจากสหรัฐรายงานว่า อัตราค่าแรงในสหรัฐปรับตัวลดลง ทำให้นักลงทุนวิตกค่าแรงที่ลดลงจะทำให้กำลังซื้อพลังงานลดน้อยลงด้วย
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 1.39 ดอลลาร์ ปิดที่ 78.00 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 3.69 เซนต์ ปิดที่ 2.046 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 2.84 เซนต์ ปิดที่ 2.0454 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.พ.ดิ่งลง 71 เซนต์ ปิดที่ 77.11 ดอลลาร์/บาร์เรล
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) เดือนธ.ค.ปี 2552 ขยับขึ้น 0.1% ขณะที่ดัชนีซีพีไอซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.1% เช่นกัน ส่งผลให้ดัชนีซีพีไอตลอดปี 2552 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.7% ส่วนอัตราค่าแรงปี 2552 หดตัวลง 1.6%
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ และจากรายงานสภาพอากาศที่อบอุ่นในสหรัฐ
ดีทีเอ็น เมเทโอร์โลจิกซ์คาดว่าอุณหภูมิในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐจะอยู่ในระดับใกล้ปกติหรือสูงกว่าปกติจนถึงวันศุกร์ ส่วนอุณหภูมิในช่วง 6-10 วันข้างหน้าจะอยู่ในระดับใกล้ปกติหรือสูงกว่าปกติ ขณะที่สำนักงานสภาพอากาศแห่งชาติของสหรัฐ (เอ็นดับเบิ้ลยูเอส) คาดการณ์ว่า ดีมานด์น้ำมันฮีทติ้งออยล์ในสหรัฐอาจอยู่ในระดับปกติในสัปดาห์นี้ หลังจากพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงกว่าปกติ 12% ในสัปดาห์ที่แล้ว
ตลาดหุ้น และตลาดน้ำมันนิวยอร์ก จะปิดทำการในวันจันทร์ที่ 18 ม.ค.เนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์