สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนเมื่อวานนี้ (21 ม.ค.) หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันเบนซินรายสัปดาห์พุ่งขึ้นเหนือความคาดหมาย ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่กำลังฉุดดีมานด์พลังงานหดตัวลงด้วย นอกจากนี้ การร่วงลงของตลาดหุ้นนิวยอร์กยังเป็นอีกปัจจัยที่ฉุดสัญญาน้ำมันดิบดิ่งลงอย่างหนัก
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมี.ค.ดิ่งลง 1.66 ดอลลาร์ หรือ 2.14% ปิดที่ระดับ 76.08 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 75.66 - 78.36 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนก.พ.ลดลง 3.55 เซนต์ ปิดที่ 1.9856 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนก.พ.ดิ่งลง 6.36 เซนต์ ปิดที่ 1.9829 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมี.ค.ร่วงลง 1.74 ดอลลาร์ หรือ 2.28% ปิดที่ 74.58 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 74.23 - 76.82 ดอลลาร์
นักลงทุนกระหน่ำขายสัญญาน้ำมันดิบอย่างหนัก หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า สต็อกน้ำมันเบนซินในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 15 ม.ค.พุ่งขึ้น 3.9 ล้านบาร์เรล แตะ 227.4 ล้านบาร์เรล ทำสถิติพุ่งขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน และมากกว่าที่คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 1.7 ล้านบาร์เรล
อย่างไรก็ตาม สต็อกน้ำมันดิบลดลง 400,000 บาร์เรล แตะที่ 330.6 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะพุ่งขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 3.3 ล้านบาร์เรล แตะที่ 157.1 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 100,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันลดลง 2.9% แตะที่ 78.4% มากกว่าที่คาดว่าจะขยับลงเพียง 0.4%
ตลาดน้ำมัน NYMEX ได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงกว่า 200 จุดของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก หลังจากประธานาธิบดีบารัค โอบามาเสนอให้มีการออกกฎที่เข้มงวดยิ่งขึ้นในการจำกัดการลงทุนแบบเสี่ยงสูงของสถาบันการเงิน โดยโอบามาเดินหน้าโจมตีสถาบันการเงินที่ตกเป็นเป้าแห่งความไม่พอใจของประชาชน เพราะในขณะที่ชาวสหรัฐกำลังเผชิญกับอัตราการว่างงานราว 10% แต่ผู้บริหารธนาคารกลับได้รับเงินโบนัสหลายล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะตึงตัวในตลาดแรงงานสหรัฐ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นเกินคาด 36,000 ราย แตะที่ 482,000 รายในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 16 ม.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 440,000 ราย