สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงต่ำกว่าระดับ 75 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (26 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าการที่ทางการจีนเดินหน้าควบคุมการปล่อยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ อาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนและอาจฉุดดีมานด์พลังงานหดตัวลงด้วย โดยสัญญาน้ำมันดิบร่วงลงแม้มีรายงานว่าอุณหภูมิในหลายพื้นที่ของสหรัฐลดลงต่ำกว่าระดับเฉลี่ย นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันของสหรัฐในวันพุธ
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมี.ค.ร่วงลง 55 เซนต์ ปิดที่ 74.71 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 1.5 เซนต์ ปิดที่ 1.9508 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 3.34 เซนต์ ปิดที่ 1.9674 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมี.ค.ดิ่งลง 40 เซนต์ ปิดที่ 73.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันดิบแม้มีรายงานว่าอุณหภูมิในหลายพื้นที่ของสหรัฐลดลงต่ำกว่าระดับเฉลี่ย ทั้งนี้ก็เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่วิตกกังวลว่าดีมานด์และการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนอาจได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมการปล่อยกู้ของธนาคารพาณิชย์ โดยเมื่อวานนี้ธนาคารกลางจีนมีคำสั่งให้ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งเพิ่มเพดานกันสำรองพิเศษ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เมื่อวานเป็นต้นไป
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันซึ่งกระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล
สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์เปิดเผยว่า ราคาบ้านใน 20 เขตเมืองของสหรัฐลดลง 0.2% ในเดือนพ.ย. มากกว่าเดือนต.ค.ที่ลดลงเพียง 0.1% และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลง 0.1%
นักลงทุนติดตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4 ปี 2552 โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจีดีพีไตรมาส 4 ของสหรัฐ จะขยายตัว 4.6% ทำสถิติขยายตัวรวดเร็วที่สุดในรอบ 4 ปี เนื่องจากภาคการผลิตขยายตัวและบริษัทเอกชนสั่งซื้อเครื่องจักรใหม่ๆมากขึ้น