สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงต่ำกว่า 74 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (27 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเทขายทำกำไรอันเนื่องมาจากความวิตกกังวลที่ว่าดีมานด์พลังงานในสหรัฐจะหดตัวลง แม้กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้วร่วงลงเหนือความคาดหมายก็ตาม
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมี.ค.ร่วงลง 1.04 ดอลลาร์ ปิดที่ 73.67 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 3.4 เซนต์ ปิดที่ 1.9168 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 2.82 เซนต์ ปิดที่ 1.9392 ดอลลาร์/แกลลอน
นักวิเคราะห์จากสำนักงานวิจัยพลังงานและเศรษฐกิจของสหรัฐกล่าวว่า ในช่วงเช้านั้นสัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นหลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานสต็อกน้ำมันดิบที่ร่วงลงอย่างหนัก แต่ในช่วงบ่ายนักลงทุนเริ่มเทขายเพราะความวิตกกังวลที่ว่าภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐอาจทำให้ดีมานด์พลังงานหดตัวลงด้วย
นอกจากนี้ นักลงทุนวิตกกังวลว่าสภาวะหมอกลงจัดและน้ำทะเลหนุนที่อ่าวเม็กซิโกซึ่งเป็นฐานการผลิตน้ำมันที่สำคัญของสหรัฐ รวมทั้งอุบัติเหตุที่ท่าเรือทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ในรัฐเท็กซัส อาจส่งผลกระทบต่อการลำเลียงน้ำมัน ซึ่งจะยิ่งทำให้ดีมานด์พลังงานลดลงไปอีก
กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 23 ม.ค.ร่วงลง 3.9 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 326.7 ล้านบาร์เรล ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล
สต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรล แตะที่ 157.5 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่คาดว่าจะลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล และ สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 2.0 ล้านบาร์เรล แตะที่ 229.4 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 1.1 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 0.1% แตะที่ 78.5%
สำนักงานพลังงานสากล (IEA) เตรียมเข้าประชุมร่วมกับกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) เจ้าหน้าที่ฝ่ายกำกับดูแลด้านการธนาคารของสหรัฐและอังกฤษ และคณะกรรมการกำกับดูแลการค้าสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดล่วงหน้าของสหรัฐ (CFTC) ที่กรุงโตเกียวเดือนหน้า เพื่อหารือเรื่องการจำกัดการเก็งกำไรในตลาดน้ำมัน
เมื่อไม่นานมานี้ CFTC เคยยื่นมือตรวจสอบพฤติกรรมการทุ่มซื้อสัญญาน้ำมันที่มากเกินไป ตลอดจนการส่งมอบ การกักตุน และการค้าน้ำมันทั่วประเทศที่บิดเบือนไปจากสถานการณ์ความเป็นจริง ขณะที่นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า ทางการสหรัฐมีเป้าหมายที่จะจำกัดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับราคาน้ำมัน