สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (1 ก.พ.) หลังจากมีรายงานว่ากลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนได้โจมตีท่อส่งน้ำมันในไนจีเรีย รวมทั้งข่าวสภาพอากาศที่หนาวเย็นในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้แรงหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่พุ่งขึ้นขานรับรายงานภาคการผลิตที่ขยายตัวเกินคาดของสหรัฐ
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 1.54 ดอลลาร์ ปิดที่ 74.43 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 74.43-74.00 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 4.19 เซนต์ ปิดที่ 1.9549 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 1.87 เซนต์ ปิดที่ 1.9321 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 1.65 ดอลลาร์ ปิดที่ 73.11 ดอลลาร์
นักวิเคราะห์จาก Petromatrix กล่าวว่า นักลงทุนทุ่มซื้อสัญญาน้ำมันเพราะเชื่อว่าสภาพอากาศที่หนาวเย็นในสหรัฐและเหตุการณ์โจมตีท่อส่งน้ำมันในไนจีเรียจะส่งผลให้เกิดภาวะซัพพลายตึงตัว โดยเมื่อวานนี้ขบวนการปลดปล่อยสามเหลี่ยมลุ่มแม่น้ำไนเจอร์ (MEND) ได้เข้าโจมตีและทำลายท่อส่งน้ำมันหลักในบริเวณสามเหลี่ยมลุ่มแม่น้ำไนเจอร์ ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อการผลิตน้ำมันของไนจีเรียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ในทวีปแอฟริกา
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้แรงหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่พุ่งขึ้นขานรับรายงานภาคการผลิตที่ขยายตัวเกินคาดของสหรัฐ โดยสถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) ของสหรัฐเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตเดือนม.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับ 58.4 จุด จากเดือนธ.ค.ที่ระดับ 54.9 จุด ทำสถิติขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 55.5 จุด
ขณะที่จีนเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เดือนม.ค.อยู่ที่ระดับ 55.8 จุด ในเดือนม.ค. ซึ่งแม้ว่าลดลงจากเดือนธ.ค.ที่ระดับ 56.6 จุด แต่ดัชนีที่เคลื่อนไหวอยู่เหนือระดับ 50 จุดบ่งชี้ว่าภาคการผลิตยังคงมีการขยายตัว